สรุปหลักและทฤษฎีการบริหารการศึกษา
การบริหาร หมายถึง ศิลปะในการทำในสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นผลสำเร็จ โดย ผู้บริหารไม่ใช่เป็นผู้ปฏิบัติ แต่เป็นผู้ใช้ศิลปะ ให้ผู้ปฏิบัติทำงานให้เราจนเป็นสำเร็จ ตามจุดมุ่งหมายที่ผู้บริหารได้ตั้งใจไว้การบริหาร เป็น กระบวนการที่เป็นทั้ง ศาสตร์ และ ศิลป์
ให้ คณะบุคลร่วมกันทำงาน
โดย อาศัย ทรัพยากร และกระบวนการวิธีการดำเนินงาน
เพื่อ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ อย่างมีประสิทธิภาพ ในองค์กรหรือหน่วยงาน
ศาสตร์ หมายถึง หลักเกณฑ์ทฤษฎีที่ศึกษาค้นคว้ามา องค์ความรู้ , ทฤษฎี , หลักการ , แนวคิด , แนวทางการบริหารที่เป็นกฎเกณฑ์ตรวจสอบได้ ฯลฯ (มีสาระเป็นหลักวิชา กฎเกณฑ์ ความจริง เป็นเหตุเป็นผล ไม่แคร์ทางอารมณ์)
ศิลป์ หมายถึง เทคนิคที่ผู้บริหารต้องรู้จักใช้ประกอบกับการบริหารที่เป็นทฤษฎี , การประยุกต์ใช้ ฯลฯ ( คำนึงถึงอารมณ์ จิตใจ ความรัก ความชื่นชม ความเชื่อมั่น ไม่แคร์ความเป็นจริง )
เช่น. ต้องรู้จักใช้หลักการของ แรงจูงใจ
,……………………………, มนุษยสัมพันธ์
,……………………………, การสร้างขวัญและกำลังใจ
,……………………………, ภาวะผู้นำ
,……………………………, การตัดสินใจ
,……………………………, การสื่อสาร
,……………………………, การสร้างทีมงาน
,……………………………, การคิดนอกกรอบ ฯลฯ
ศาสตร์ ( คือ ทฤษฎี , หลักการ , แนวคิด , แนวทางการบริหาร ฯลฯ) ที่ผู้บริหารควรรู้และจดจำ เช่น.
• ทฤษฎีของ “เฟรเดอริค ดับเบิลยู เทย์เลอร์” (Frederick w. Taylor)
เป็นบิดาการจัดการเชิงวิทยาศาสตร์ Boom…
“การจัดการต้องใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ เข้าช่วย งานจึงจะสำเร็จอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพสูง”
• ทฤษฎีของ “แมกซ์ เวเบอร์” (Weber’s Theory of Bureaucracy)
เป็นผู้ค้นคิดเรื่องทฤษฎีระบบราชการ
“การบริหารงานแบ่งลำดับและสายบังคับบัญชาอย่างเด่นชัด”
• หลักการบริหารของ “อังรี ฟาโยล” (Henri Fayol)
เป็นที่รู้จักกันในเรื่อง หลักการ 14 ประการของฟาโยล
หลักการข้อที่ 1. การแบ่งงานกันทำ (Division of Work)
หลักการข้อที่ 2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority and Responsibility)
: :
: :
หลักการข้อที่ 14. ความสามัคคี ความร่วมแรงร่วมใจกัน (Esprit de corps)
• หลักการ POSDCORB ของ “กูลิคและเออร์วิค” (Luther Gulick & Lyndall Urwick)
เป็นอาวุธ 7 ประการของนักบริหาร
1. P : Planning = การวางแผน (การวางโครงการอย่างกว้างๆ)
2. O : Organizing = การจัดรูปองค์กร (การกำหนดหน้าที่ของหน่วยงาน)
3. S : Staffing = การจัดคนสู่หน่วยงาน (การบริหารทรัพยากรมนุษย์ขององค์กร เริ่มตั้งแต่
สรรหา บรรจุ แต่งตั้ง ฝึกอบรม พัฒนา บำรุงขวัญ การเลื่อนขั้นตำแหน่ง พิจารณาให้พ้นงาน เกษียณอายุ ดูแลหลังเกษียณอายุ)
4. D : Directing = การอำนวยการ (การดูแลงานในหน้าที่ มอบหมายงาน ดูแลติดตามงานรวมถึงการวินิจฉัยสั่งการด้วย)
5. Co : Coordinating = การประสานงาน (เป็นสื่อความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานย่อย)
6. R : Reporting = การรายงาน (การรายงานให้ผู้บริหารที่รับผิดชอบโดยตรงได้รับทราบความเคลื่อนไหว มีการตรวจสอบ และประเมินผล)
7. B : Budgeting = การจัดทำงบประมาณการเงิน (เป็นการวางแผน โครงการต่างๆ เกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณ ควบคุม ดูแลการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ อย่างรัดกุม คุ้มค่า ไม่รั่วไหล)
ถ้าเป็นอาวุธ 9 ประการ ให้เพิ่ม P และ A เข้าไปเป็น PAPOSDCoRB
P = Policy = ความเข้าใจและการนำนโยบายไปปฏิบัติ
A= Authority = การใช้อำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติงาน Boom…
ประโยชน์หรือบทบาทของ ทฤษฎี มีดังต่อไปนี้
1. เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ที่เป็นความจริง
2. เพื่อจำแนกปรากฏการณ์
3. เพื่อสร้าง โครงสร้างของความรู้
4. เพื่อย่อสภาพของปรากฏการณ์
5. เพื่อพยากรณ์ปรากฏการณ์
6. เพื่อนำไปสู่การวิจัยที่จำเป็นต่อไป
* เพราะเหตุใด ผู้บริหารการศึกษาจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจ ในทฤษฎีการบริหาร
ตอบ
1. เพราะผู้บริหารต้องมีศาสตร์ทางการบริหาร (เพื่อจะได้อธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ , พยากรณ์ปรากฏการณ์ได้
2. เกิดความมั่นใจ (นักบริหารต้องมีหลักการในการบริหาร และการจัดการ)
3. เป็นมืออาชีพ (การเป็นมืออาชีพ ผู้บริหารการศึกษาต้องมี 2 นัก คือ)
* นักการศึกษา (Education)
• เป็นครู (เป็นวิชาชีพแล้วในปัจจุบัน)
• ต้องเข้าใจเรื่องของการศึกษา
• ต้องพัฒนาตนเองตลอดเวลา
* นักบริหาร (Administrator)
• ต้องรู้จักหัวใจของ ศาสตร์ & ศิลป์ ในการบริหาร
• ใช้ศาสตร์ทางการบริหารเป็น
– นำไปประยุกต์ได้ (Application)
- นำไปใช้ได้ (Implementation)
หลักการและประเด็น การวิเคราะห์ “การบริหาร”
1. การบริหารคืออะไร ?
2. การบริหารนั้นสำคัญไฉน ?
3. ใครคือผู้บริหาร ?
4. อะไรบ้างที่ต้องบริหาร ?
5. บริหารอย่างไรให้สำเร็จ ?
ตอบ.
1. การบริหาร ? คือ – การบริหาร ทำให้เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่
- การบริหาร ทำสิ่งนั้นเพื่ออะไร ( เพื่อเป้าหมาย , เพื่อคุณภาพ ฯลฯ )
( ถ้าไม่มีการบริหารจะไม่มีคำว่า “พัฒนา” )
- การบริหาร เปรียบเสมือน อุปกรณ์ที่เราใช้ทำงานให้สำเร็จ ยิ่งใช้อุปกรณ์ได้ดีมีประสิทธิภาพ ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น
- การบริหาร คือ การใช้เทคนิค , การใช้คน , การใช้ทรัพยากร
และเวลาที่มีอยู่ เพื่อทำให้เป้าหมายที่วางไว้ประสบความสำเร็จ
สรุป การบริหาร เป็น กระบวนการที่เป็นทั้ง ศาสตร์ และ ศิลป์
ให้ คณะบุคคล ร่วมกันทำงาน
โดยอาศัย ทรัพยากร และกระบวนการวิธีดำเนินการ
เพื่อ บรรลุวัตถุประสงค์ อย่างมีประสิทธิภาพในองค์กรหรือหน่วยงาน
Boom…
2. การบริหารนั้นสำคัญไฉน ?
สำคัญเพราะ การที่จะทำให้การบริหาร (งาน) สำเร็จ จะต้องมีการวางแผนอย่างรอบครอบ ดำเนินตามขั้นตอนอย่างระมัดระวัง เพื่อใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3. ใครคือผู้ริหาร ?
ผู้บริหารระดับสูง (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร = Chief Executive Officer = CEO ) ที่ทำหน้าที่ในการวางนโยบาย วางแผนกลยุทธ์ เช่น. CEO ของมหาลัยฯ ก็คือ อธิการบดี ,ในโรงเรียน CEO ก็คือ ผอ.
4. อะไรบ้างที่ต้องบริหาร ?
สิ่งที่เราต้องบริหาร
1. ตนเอง บุคคลแรกที่ต้องผู้บริหารควรทำความรู้จัก คือ ตนเอง คนที่บริหารตนเองได้ดี คือ คนที่มีความมุ่งมั่นสู่ เป้าหมายแห่งความสำเร็จ
2. งาน – ทำให้ดีที่สุด
- สุดเวลาที่มีอยู่
3. คน , ทีมงาน การเลือกคนเข้ามาทำงานในทีมต้อง มีความรู้ ความสามารถตามความถนัด ความชำนาญที่แตกต่างกัน เพื่อ จุดเด่นของแต่ละคนจะได้เสริมกัน
4. เวลา การบริหารเวลา คือ การการบริหารชีวิต (เพราะเวลาที่ผ่านไปหมายถึงชีวิตที่ผ่านไป
5. บริหารงานอย่างไรให้สำเร็จ ?
การบริหารให้สำเร็จต้อง
1. ต้องมีแผน
2. ต้องมีวิสัยทัศน์
3. ต้องมีเป้าหมาย
4. ต้องมีการกระจายงาน
5. ต้องมีการตรวจสอบ
6. ต้องมีการแก้ปัญหา
7. ต้องมีการพัฒนา Boom…
บทบาทหน้าที่ของผู้บริหารโรงเรียน มีดังต่อไปนี้
1. ตระหนักและเห็นความสำคัญว่าจะต่อมีการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลง
2. บริหารและจัดการแบบมีส่วนร่วม
3. บริหารงานในรูปแบบ “ภาวะผู้นำ”
4. สร้างขวัญและกำลังใจ
5. สร้างความเข้าใจกับผู้ปกครองและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ
* ผู้นำ หมายถึง ผู้กำหนดวัตถุประสงค์ ของหน่วยงาน ให้ความคิดริเริ่มในการปฏิบัติงาน
มีความรับผิดชอบต่อความสำเร็จ
*ภาวะผู้นำ (Leadership) เป็นการใช้ศิลปะจูงใจ ให้คนทำงาน โดยผู้ทำงาน เต็มใจทำงาน
( นำคนได้ใช้คนเป็น)
*ถ้าผู้บริหารมีภาวะผู้นำ จะทำให้เกิดความสำเร็จ 3 ประการ
คือ. 1. นำคนได้
2. นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่องค์กรได้
3. ใช้สยบปัญหาได้
*ผู้บริหารที่จะบริหารงานให้สำเร็จ จะต้องรู้จัก การครองตน ครองคน ครองงาน
การครองตน ( มีคุณธรรมและจริยธรรมต่อตนเอง)
- เป็นแบบอย่างที่ดีของคนในองค์กร)
- มีกริยามารยาทและแต่งกายดี
- พูดจาไพเราะ
- มีความเป็นผู้ใหญ่ เชื่อถือได้
- มีวินัยในตนเอง
- ยึดหลักธรรม คำสั่งสอนของศาสนา ฯลฯ
การครองคน ( มีคุณธรรมและจริยธรรมต่อผู้อื่นและสังคม )
- ประพฤติดีประพฤติชอบ
- มีความหนักแน่นอดทน
- มีความยุติธรรม
- มีอัธยาศัยดี ฯลฯ Boom…
การครองงาน ( มีคุณธรรมจริยธรรมต่อหน้าที่การงาน )
- มีความรู้ แสวงหาประสบการณ์
- มีวิสัยทัศน์กว้างไกล
- มีความคิดสร้างสรรค์
- มีความรับผิดชอบสูง
- ยึดหลักธรรมประจำใจในการปฏิบัติงาน ฯลฯ
การศึกษา เป็น ปัจจัยสำคัญของการอบรมบ่มนิสัย การกล่อมเกลาทางสังคม การเตรียมตัว
เพื่อให้บุคคลมีทักษะ ความรู้ ความสามารถในการดำรงชีวิต และประกอบอาชีพได้ในอนาคต
การเรียนรู้ (นำไปสู่ ความรู้) ในปัจจุบันโลกก้าวเข้าสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ หรือเข้าสู่ระบบ เศรษฐกิจที่เรียกว่า “ฐานความรู้” ความรู้จึงเป็นเครื่องมือที่จำเป็น และจะขาดเสียมิได้ ในสังคมสมัยใหม่ ความรู้ที่ทันสมัยที่เหมาะสมกับสภาพ จะช่วยแก้ปัญหาได้และนำไปสู่ การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เป็นพลังสำคัญสำหรับการอยู่รอดและการพัฒนา
จริงแล้ว ผมไม่อยากที่จะชี้นำในการเข้า ถึง วิชา ปรัชญาการศึกษา ว่าที่นำมาลงใน Web ว่ามีหลักวิเคราะห์ อย่างไร อยากให้คนอ่านได้ รู้จักคิดวิเคราะห์เองบ้าง (เมื่อถามมากันมากก็ต้องตอบไป) หากท่านวิเคราะห์ดี ๆ จะเห็นว่า โรงเรียนทุกโรงเรียนในประเทศไทย จัดการศึกษาของโรงเรียนตน เข้าใน ปรัชญาการศึกษา ใดปรัชญาการศึกษาหนึ่ง แล้วแต่ละปรัชญาการศึกษา ที่โรงเรียนตนต้องการ และก็จะมีความแตกต่าง ที่.
• 1. จุดมุ่งหมายของการศึกษา
• 2. หลักสูตร
• 3. โรงเรียน
• 4. ผู้เรียน
• 5. ผู้สอน
• 6. กระบวนการเรียนการสอน
• 7. การวัด และประเมินผล
• 8. ผู้บริหาร
ทีนี้ 1 – 8 คือ การวิเคราะห์ 8 ด้าน ตามโครงสร้างการจัดการศึกษาในสถานศึกษา
ผู้ที่เรียน บริหารการศึกษา ยิ่งได้อะไรอย่างมากมาย โดยจำหลัก ข้อ 1 – ข้อ 8 ไปไว้วิเคราะห์ เกลือบทุกกระบวนวิชาได้อย่างสบาย เช่น. ถ้าเขาถามว่าถ้าจะพัฒนาการศึกษาของไทยให้ดีจะทำอย่างไรบ้าง ตอบ เราก็ใช้ หลัก 8 ข้อ ไปวิเคราะห์ได้เลย
• 1. จุดมุ่งหมายของการศึกษา …….เช่น.ต้อง พัฒนาผู้เรียนให้พร้อมทุกด้าน ทั้งร่างกาย และจิตใจ ฯลฯ
• 2. หลักสูตร……เช่น.ต้อง ฝึกให้ผู้เรียนมีสติปัญญา & เหตุผล ,ต้องทันสมัย ฯลฯ
• 3. โรงเรียน…..เช่น.ต้อง เป็นบรรยากาศแบบประชาธิปไตย,สิ่งแวดล้อมดี
• 4. ผู้เรียน……เช่น.ต้อง รู้จักแลกเปลี่ยน อภิปรายความรู้ร่วมกัน
• 5. ผู้สอน……เช่น.ต้อง วิธีการสอนทันสมัย,รู้จักใช้ EICT , กระตุ้นให้เด็กคิดวิเคราะห์
• 6. กระบวนการเรียนการสอน…….เช่น.ต้อง ให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้ด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ
• 7. การวัด และประเมินผล…….เช่น.ต้อง วัดความรู้ ความก้าวหน้าในทุก ๆ ด้าน
• 8. ผู้บริหาร……เช่น.ต้อง มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์