กลยุทธ์lสำคัญที่ทำให้นักเรียนรักการอ่าน เริ่มต้นจาก โรงเรียนประกาศ "ปีแห่งการรักการอ่านของโรงเรียน" "วาระแห่งการรักการอ่าน" ตามมาด้วยโครงการส่งเสริมการอ่านกับ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้
เพื่อเพิ่มศักยภาพนักเรียนด้านการอ่านคล่อง เขียนคล่อง ใฝ่รู้ใฝ่เรียน และแสวงหาความรู้ดวยตนเอง โดยจัดกิจกรรมโครงการโรงเรียนรักการอ่าน
13 กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน จำนวน 13 กิจกรรม ได้แก่
1. สัปดาห์ห้องสมุด
2. ห้องสมุดเคลื่อนที่
3. นักเขียนน้อย
4. ประกวดมุมรักการอ่าน
5. ยอดนักอ่าน
6. เชิดหุ่นมหาสนุก ล
7. แต่งเรื่องจากภาพ
8. ผู้นำเยาวชนรักการอ่าน
9. ตอบปัญหาสารานุกรม
10. หนังสือมือสองจากฉันให้เธอ
11. ห้องสมุดหรรษา
12. หยุดทุกงานอ่านทุกวัน
13. สอนซ่อมเสริมการอ่าน
Best Practice ครั้งนี้ขอเลือกเอา "กิจกรรมซ่อมเสริมการอ่าน" มาเล่าสู่กันฟัง ;
กิจกรรม สอนซ่อมเสริมการอ่าน เป็นการส่งเสริมและพัฒนาการอ่าน ในนักเรียนที่อ่านไม่ออก อ่านไม่คล่อง อ่านไม่เป็น (จับใจความไม่ได้) ซึ่งมีผลทำให้เด็กเรียนช้า ให้พัฒนาความสามารถในการอ่านเพิ่มขึ้น ลดปัญหาการเรียนซ้ำชั้นอย่างมีคุณภาพ
ทั้งนี้ รวมถึงนักเรียนที่ไม่อ่าน (ทั้งๆ ที่อ่านออก แต่ไม่อ่าน ไม่ว่าเพื่อหาความรู้เพิ่มเติมหรือหาความเพลิดเพลิน) เพื่อฝึกฝนทักษะการอ่านให้สม่ำเสมอจนเกิดเป็นนิสัยที่ดีในการอ่าน ฝึกฝนให้อ่านแตกฉานคล่องแคล่ว จนสามารถแสวงหาความรู้เพิ่มพูนได้ด้วยตนเอง ส่งเสริมนิสัยใฝ่รู้ใฝ่เรียน ช่างถาม สามารถสร้างจินตนาการจากเรื่องที่อ่าน บันทึกการอ่าน วิเคราะห์แยกแยะรายละเอียด ตลอดจนนิสัยรักการประเมินค่าสิ่งที่อ่าน ตามความสามารถ วัยและบริบทแวดล้อม
เมื่อกำหนด"วาระแห่งการรักการอ่าน" กิจกรรมการสอนซ่อมเสริม จึงเป็นหนึ่งในกิจกรรมพัฒนาการอ่านของนักเรียนทุกช่วงชั้น (ช่วงชั้นที่ 1-3) โดยให้มีการประเมินผลการอ่านทุกสิ้นภาคเรียนและสิ้นปีการศึกษา
เมื่อกำหนด"วาระแห่งการรักการอ่าน"ผู้บริหาร ครูและนักเรียน รวมทั้งผู้ปกครอง ทุกคน ต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรม
- ผู้บริหาร เป็นผู้วางแผน กำหนดนโยบาย สนับสนุนสื่อ อุปกรณ์ หนังสืออ่านในมุมในห้องเรียน และอำนวยความสะดวกทุกด้าน
- ครูประจำชั้นทุกคน ศึกษาคัดกรองเด็กที่อ่านไม่ออก และ อ่านไม่ออก เพื่อช่วยจัดการช่วยเหลือ โดยการซ่อมเสริมการอ่าน
- ครูทุกคน (ทั้งครูประจำชั้นและครูพิเศษ) รับผิดชอบดูแล สอนเสริมนักเรียนเป็นรายบุคคล
- นักเรียนในชั้นเรียน ร่วมด้วยช่วยกันในการชักชวนเพื่อนอ่านหนังสือ สร้างกลุ่มเพื่อนช่วนเพื่อนในการอ่านหนังสือ
- ผู้ปกครอง เห็นความสำคัญ ดูแล สนับสนุนเด็กๆ ในการอ่านหนังสือและให้ความร่วมมือช่วยสอนเสริมที่บ้าน
ลำดับขั้นตอนในการดำเนินกิจกรรม
1. ประชุมครูทุกท่าน เพื่อชี้แจงให้ทราบนโบายและการดำเนินกิจกรรม
2. ครูประจำชั้นและครูภาษาไทยทดสอบพิ้นฐานการอ่านของนักเรียนทุกคน โดยแยกนักเรียนที่อ่านไม่ออก อ่านไม่คล่อง
3. วิชาการสายชั้น รายงานผลแก่ผู้บริหาร และจัดครูทุกคนรับผิดชอบสอนเสริม
4. จัดนักเรียนที่อ่านไม่ออก ไม่คล่อง ให้ครูทุกคนในการสอนเสริมการอ่าน โดยสอนตอนเช้าก่อนเข้าเรียน หลังรับประทานอาหารกลางวัน และเย็นหลังเลิกเรียน โดยแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ
5. ครูแต่ละสายชั้นจัดทำแบบฝึกหัด สอนเสริมการอ่านเพื่อใช้สอนนักเรียน
6. กำหนดให้นักเรียนใช้หนังสืออ่านจากห้องสมุดและมุมรักการอ่านในชั้นเรียน
7. สอนเสริมการอ่านนักเรียนทุกคนในชั่วโมงสอนเสริม (สอนทุกคนในชั้นเรียน)
8. แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินการอ่าน นักเรียนทุกคน ภาคเรียนละ 1 ครั้ง
9. รายงานผลการประเมินการอ่านให้นักเรียนและครูปกครองทราบ
10. ครูประจำชั้นจัดหารางวัลให้นักเรียนที่มีพัฒนาการอ่านสูงเพื่อเป็นกำลังใจ
11. นักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมินให้ครูที่รับมอบหมายสอนเสริมในภาคเรียนถัดไป
12. ฝ่ายวิชาการและผู้รับผิดชอบกิจกรรมจัดทำสถิติรายงานผลการสอนเสริมการอ่านต่อฝ่ายบริหาร
ผลที่ได้รับจากกิจกรรมซ่อมเสริมการอ่าน ปรากฏว่า ได้รับผลตอบเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นกระบวนการพัฒนาการอ่านที่ประสบความสำเร็จเด็กทุกกลุ่มเป้าหมาย
ข้อค้นพบที่สำคัญคือ
1. กลุ่มที่ 1 เด็กปฐมวัย สนใจอ่านหนังสือภาพ หนังสือการ์ตูน
2. กลุ่มที่ 2 เด็กทุกคนที่อ่านไม่ออกและอ่านไม่คล่อง (กลุ่มเป้าหมาย) มีพัฒนาการอ่านที่ดีขึ้นมาก โดยครูมีสื่อในการสอน สื่อที่ใช้คือ เกม และแบบฝึกหัด
3. กลุ่มที่ 3 เด็กที่อ่านคล่อง จะได้รับการพัฒนาในชั่วโมงสอนเสริม โดยครูจะใช้เทคนิคการบักทึก การอ่าน และมีกิจกรรม เช่น กิจกรรมหยุดทุกงานอ่านทุกวัน กิจกรรมบันทึกยอดนักอ่าน กิจกรรมผู้นำเยาวชนรักการอ่าน

4. กลุ่มที่ 4 เด็กที่มีนิสัยรักการอ่าน จะเป็นผู้แนะนำให้เพื่อนมาอ่านหนังสือ ช่วยสร้างเครือข่ายการอ่าน สามารถนำความรู้จากการอ่านไปเสนอเพื่อนๆ ได้ เช่น การรายงานข่าวหน้าชั้นเรียน การอ่านข่าวหน้าห้องสมุดทางอากาศหน้าเสาธง เป็นพิธีกรอ่านข่าวเรื่องเล่าก่อนเข้าเรียนในโทรทัศน์ เพื่อการศึกษา SSN.TV หรือเสนอความรู้ในการเขียนเรียงเรื่องประกอบภาพในกิจกรรมนักเขียนน้อย กิจกรรมแต่งเรื่องจากภาพ หนังสือเล่มเล็ก หนังสือทำมือ กิจกรรมตอบปัญหาสารานุกรม ผู้นำกิจกรรมในการเข้าค่ายสาระต่างๆ และที่สำคัญ เด็กเหล่านี้สามารถช่วยครูในการฝึกเพื่อนๆ ที่อ่านหนังสือไม่ออกและอ่านไม่คล่องให้สามารถพัฒนาทางการอ่านที่ดีขึ้น
5. กลุ่มที่ 5 การสอนซ่อมเสริมในเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ เด็กบกพร่องกลุ่มนี้มีจำนวน 104 คน ซึ่งจะเรียนร่วมกับเพื่อนๆ ครูประจำชั้นและครูการศึกษาพิเศษจะสอนซ่อมเสริมและพัฒนาการอ่านตามทักษะการอ่าน ตามหลักการและตามความสามารถของเด็ก ส่วนที่ยังไม่อ่านและอ่านไม่คล่องก็ยังมีจำนวนน้อย ซึ่งครูและผู้ปกครองยังดำเนินการร่วมกันต่อไป
...คงจะเห็นกันชัดเจนว่า Best Practice ที่ให้ความสำคัญต่อการสร้างระบบทั้งระบบ เพื่อตอบสนองการส่งเสริมการอ่านของนักเรียน ส่งผลคุณภาพได้อย่างแท้จริง
----------------
----------------
กิจกรรมเสนอแนะ
การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน นับว่าเป็นวิธีการที่จะช่วยให้การมีความสนุกสนานเพลิดเพลินและเป็นแรงจูงใจ ให้ผู้อ่านได้อ่านอย่างมีความสุข ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านนั้นมักมีกิจกรรมที่คล้ายกันหรือซ้ำกัน อาจสรุปประเภทของกิจกรรมส่งเสริมการอ่านได้ดังนี้
1. กิจกรรมส่งเสริมการอ่านเน้นทักษะการอ่าน
- เล่านิทาน
- เชิดหุ่น
- Reading Rally . ว่างจากงาน อ่านทุกคน
- แข่งขันตอบปัญหา
- ห้องสมุดเคลื่อนที่
- ค่ายการอ่าน
- แข่งขันตอบคำถามสารานุกรม
- ยอดนักอ่านฯลฯ
2. กิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่เน้นการเผยแพร่ข่าวสาร
- เสียงตามสาย
- วันสำคัญ
- ย่ามหนังสือสู่ชุมชน
- แหล่งความรู้ในท้องถิ่น
- นิทรรศการฯลฯ
3. กิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่เน้นการแก้ไขและพัฒนา
- คลินิกหมอน้อย
- พี่ช่วยน้อง
- ให้ความรู้การใช้ห้องสมุด
- แข่งขันเปิดพจนานุกรมฯลฯ
4. กิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่เน้นพัฒนาทักษะอันต่อเนื่อง
- หนูน้อยนักล่า
- เล่าเรื่องจากภาพ
- จากบทเพลงสู่งานเขียน
- โต้วาที
- เรียงความยุวทูตความดีฯลฯ