แง่คิดจากสำนวน คำพังเพย สุภาษิตสู่การดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง

แง่คิดจากสำนวน คำพังเพย สุภาษิตสู่การดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง

“ เศรษฐกิจพอเพียง ” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตให้แก่พสกนิกรชาวไทยมาเป็นเวลานานกว่า ๒๕ ปี โดยมีแนวคิดที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท โดยคำนึงถึงความพอประมาณ คือ ให้ทำอะไรด้วยความพอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป และต้องไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ในขณะเดียวกันก็ต้องมีเหตุผลในการกระทำ และมีการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว คือ มีการเตรียมตัวให้พร้อมที่จะรับผลกระทบจากความเปลี่ยนต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยอาศัยความรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรม เช่น ความซื่อสัตย์สุจริต ความอดทน ความเพียรมาประกอบในการวางแผน การตัดสินใจ และการกระทำทุกอย่าง ซึ่งในปัจจุบันได้มีการพูดและน้อมนำปรัชญาดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานต่างๆอย่างกว้างขวาง ด้วยเหตุนี้ กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงอยากจะขอนำสำนวนไทย คำพังเพย และสุภาษิตที่สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาเสนอ ว่าเรื่องใดควรนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน หรือเรื่องใดควรหลีกเลี่ยง ละเว้น
จากการที่ “ เศรษฐกิจพอเพียง ” เป็นการมุ่งเน้นความพอประมาณ ที่ต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเอง และผู้อื่น โดยจะต้องรู้จักฉลาดคิด ฉลาดทำ มีเหตุผล อีกทั้งต้องมีความรู้คู่คุณธรรมเป็นตัวกำกับ ดังนั้น สุภาษิต คำพังเพย และสำนวนไทยที่น่าจะนำมาใช้ได้ มีดังนี้
• ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน หมายถึง ไม่ว่าจะการใดๆ ควรคิดทำด้วยตนเองก่อนที่จะคิดพึ่งพา หรือขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น เพราะตนเองจะเป็นที่พึ่งของตนเองได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
• กันไว้ดีกว่าแก้ หมายถึง ป้องกันเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการล่วงหน้า ดีกว่ามาตามแก้ภายหลัง หรือเป็นการป้องกันไว้ก่อน ก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้น นั่นคือ จะการใด จะต้องรู้จักวางแผน เตรียมการณ์ไว้ล่วงหน้า เช่น จะลงทุนทำการค้า ก็ไม่ทุ่มจนสุดตัว ต้องมีเงินสำรอง ไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด เป็นการกันไว้ก่อน
• มีสลึง พึงบรรจบให้ครบบาท หมายถึง ให้รู้จักเก็บหอมรอบริบ ค่อยๆเก็บสะสมเงินไว้ หากมีเหตุฉุกเฉินจะได้มีเงินเก็บไว้ยามขาดแคลน
• จงกินเพื่ออยู่ อย่าอยู่เพื่อกิน หมายถึง ให้รู้จักกินอยู่ให้พอดี พอประมาณกับฐานะของตน ไม่ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย ทั้งนี้เพื่อมิให้เกิดความขัดสน เช่น หากเรามีรายได้น้อย ก็ต้องรู้จักประหยัด ไม่ซื้อของข้าวที่ไม่จำเป็น เพราะนอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้ว บางครั้งอาจทำให้เราต้องกู้หนี้ยืมสินเพิ่ม
• ผัวหาบ เมียคอน หมายถึง ช่วยกันทำมาหากินทั้งผัวและเมีย ต่างคนต่างขยันขันแข็ง รู้จักช่วยกันเก็บเงินทำให้สร้างครอบครัวได้เร็ว
• ฝนทั่งให้เป็นเข็ม หมายถึง พยายามทำสิ่งที่ยากเย็นด้วยความวิริยะอุตสาหะบากบั่น จนแม้สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ยังเป็นไปได้ เป็นการสอนให้เรารู้จักมานะพยายามไม่ว่าในเรื่องใด หากไม่ท้อถอยก็จะประสบความสำเร็จได้ในที่สุด
• สิบเบี้ยใกล้มือ หมายถึง พอมองเห็นทางได้ แม้จะเล็กน้อยก็หยิบฉวยไว้ก่อน ดีกว่ามุ่งหวังจะเอาสิ่งใหญ่ที่ยังไม่เห็นหนทางว่าจะได้หรือไม่ เช่น มีร้านค้าเล็กๆพอทำการค้าขายได้ ก็ทำไปก่อน อย่าเพิ่งหวังว่าจะต้องเซ้งได้ตึกใหญ่ จึงค่อยคิดทำการค้า เพราะอาจจะหาไม่ได้ หรือแพงเกินทุนที่มี
• นกน้อยทำรังแต่พอตัว หมายถึง ทำอะไรให้พอเหมาะกับฐานะหรือความสามารถตน เช่น มีรายได้น้อย แต่จำเป็นต้องใช้รถ ก็ควรหาซื้อรถในราคาที่สามารถผ่อนใช้ได้ อย่าไปคิดอยากได้รถใหญ่ราคาแพงเกินฐานะ หรือเกินความสามารถที่จะซื้อได้ เพราะนอกจากจะทำให้ต้องเหนื่อยยาก ในการทำมาหาเงินมาซื้อแล้ว ยังก่อให้เกิดภาวะเครียด หรืออาจก่อหนี้สินโดยไม่จำเป็นอีกด้วย
• กินน้ำให้เผื่อแล้ง หมายถึง ทำอะไรให้คิดไกล ไปถึงวันข้างหน้าด้วย เช่น ได้เงินก้อนใหญ่มา ก็อย่านำไปซื้อข้าวของจนหมด ควรเก็บไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน หรือเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยไว้บ้าง
• คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล หมายถึง การเลือกคบคน ต้องดูให้ดี เพราะหากคบคนพาล หรือคนไม่ดีเป็นมิตร ก็มักชักจูงเราไปในทางเสียหาย แต่ถ้ารู้จักเลือกคบเพื่อนดี คนดี ก็จะพาให้เราเป็นคนดีไปด้วย เช่น สอนหรือแนะนำให้เรารู้จักทำมาหากินในทางสุจริต ไม่คดโกงผู้อื่น รู้จักประมาณ และรู้จักวางแผนในการทำกิจการต่างๆ ทำให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อของทุนนิยม เป็นต้น กล่าวคือ การรู้จักเลือกคบคนดี จะเป็นเสมือนการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีเบื้องต้นให้แก่ตัวเรา
ตัวอย่างข้างต้น คือสิ่งที่ควรนำไปปฏิบัติ สำหรับในส่วนไม่ควรปฏิบัติ ได้แก่
• ขี่ช้างจับตั๊กแตน หมายถึง การลงทุนมากมาย หรือทำการใหญ่เพื่อผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย หรือได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เราต้องรู้จักทำอะไรอย่างพอประมาณ และต้องรู้จักคิดให้รอบคอบไม่ว่าจะลงทุนทำอะไรก็ตาม
• คนตายขายคนเป็น หมายถึง การจัดงานศพอย่างใหญ่โต เสียเงินเสียทองมากมายจนทำให้ลูกหลานเดือดร้อน คือ คนเป็นต้องลำบากในการหาเงินเพื่อมาจัดงานศพ ด้วยเกรงว่าถ้าจัดเล็กๆแล้ว จะถูกผู้อื่นดูถูก หรือกลัวเสียหน้า ซึ่งบางอย่างอาจจะไม่จำเป็นต้องทำก็ได้
• มือใครยาวสาวได้สาวเอา หมายถึง ต่างคนต่างฉวยโอกาสแสวงหาประโยชน์ใส่ตัว ไม่คิดถึงคนอื่น ซึ่งตามหลักดังกล่าว เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะนอกจากจะไม่ “ พอเพียง ” แล้ว ยังเป็นการเห็นแก่ตัว กอบโกยผลประโยชน์เข้าตน หรือพรรคพวกตน
• แมงเม่าบินเข้ากองไฟ หมายถึง คนที่หลงสิ่งลวงตา แล้ววิ่งเข้าไปหา โดยไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเป็นอันตรายแก่ตนเหมือนแมงเม่าที่ชอบบินเข้ากองไฟ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงและคิดให้รอบคอบ เช่น เห็นเขาเล่นหุ้นแล้วรวย ก็แห่กันอยากเล่นบ้าง ทั้งๆที่ไม่มีความรู้ ที่สุดก็ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว เป็นต้น
• สร้างวิมานในอากาศ หมายถึง คิดฝันหวานไว้ใหญ่โต แต่ไม่ลงมือทำ ย่อมไม่มีทางประสบผลสำเร็จ ดังนั้นผู้ที่ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง จะต้องคิดจะทำอะไรต้องมีเหตุมีผล อยู่ในความสามารถของเราที่จะทำได้ โดยไม่วาดหวังอะไรเกินจริง
• หวังน้ำบ่อหน้า หมายถึง ของที่ได้แน่นอนแล้วไม่เอา กลับไปคาดหวังกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง หรือยังไม่แน่ว่าจะได้หรือไม่ เช่น แทนที่จะทำมาหากินเพื่อหารายได้เพิ่ม กลับเอาเงินไปเล่นหวยอย่างเอาจริงเอาจัง โดยหวังจะได้เงินก้อนใหญ่กลับมาเป็นทุน
• เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง หมายถึง เห็นคนร่ำรวยทำอะไรใหญ่โต ตัวเองไม่ได้ร่ำได้รวยเหมือนเขา แต่อยากทำตามเขาเช่น เห็นเขามีเสื้อผ้าแบรนด์เนม ก็อยากใส่บ้าง เห็นเขามีมือถือรุ่นใหม่ ก็อยากมีบ้าง ทั้งๆที่ตัวเองรายได้น้อย จึงต้องก็ไปกู้ หรือหารายได้ในทางไม่สุจริต จนสร้างความเดือดร้อนแก่ตนและคนใกล้ชิด
• กระเชอก้นรั่ว หมายถึง ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไม่รู้จักเก็บหอบริบ ไม่ประหยัด เป็นพวกมือเติบ ซึ่งมักจะทำให้หารายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย
• ตำข้าวสารกรอกหม้อ หมายถึง ทำงานแค่ให้เสร็จไปครั้งหนึ่งๆ หรือทำแค่พอกินไปวันหนึ่งๆ ซึ่งสำนวนนี้มาจากคนสมัยก่อน จะต้องนำข้าวเปลือกมาตำเปลือกออกเป็นข้าวสาร แล้วค่อยนำไปหุงกิน แต่คนขี้เกียจก็จะตำข้าวเปลือกพอหุงได้มื้อเดียว พอจะกินมื้อต่อไปค่อยมาตำเอาใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำตาม
• หนักไม่เอา เบาไม่สู้ หมายถึง คนเกียจคร้าน ไม่สู้งาน คนประเภทนี้มักจะไม่ชอบทำงานหนัก ชอบงานประเภทสบายๆ มักเป็นคนสำรวย ชอบความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย และไม่มีความพากเพียร อดทน
หวังว่า สุภาษิต คำพังเพย และสำนวนต่างๆที่ยกมาข้างต้น คงจะให้ข้อคิดที่ทำให้ท่านได้เห็นแนวทางการดำเนินชีวิต ในแนวทาง “ เศรษฐกิจพอเพียง ” อีกแง่มุมหนึ่ง และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัวและประเทศชาติต่อไป
--------------------------------------------------------------------