คู่มือการประเมินสมรรถนะครู
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พ.ศ. 2553
คำชี้แจง
คู่มือการประเมินสมรรถนะครูฉบับนี้
จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางในการนำแบบประเมินสมรรถนะครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ไปใช้ประเมินสมรรถนะครูผู้สอนที่ปฏิบัติงานในสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ
ในโครงการยกระดับคุณภาพครูทั้งระบบ: กิจกรรมจัดระบบพัฒนาครูเชิงคุณภาพเพื่อการพัฒนาครูรายบุคคล โดยมีรายละเอียดเนื้อหา
ประกอบด้วย วัตถุประสงค์ในการประเมิน กรอบความคิดของการประเมิน รายละเอียดและคำอธิบายสมรรถนะครู
ผู้ใช้แบบประเมิน การพัฒนาแบบประเมิน การให้คะแนนและการแปลผลการประเมิน และการนำเสนอผลการประเมิน
ขอขอบคุณคณะทำงาน
ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่กรุณาให้คำปรึกษาแนะนำข้อคิดเห็น เอื้ออำนวยความสะดวก
และให้ความร่วมมือในการสร้างแบบประเมินสมรรถนะครู
ขอบคุณคณะครูที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง ที่ได้ให้ความร่วมมือ
และให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงแบบประเมินให้สมบูรณ์ ชัดเจน และครอบคลุม
จนสำเร็จลุล่วงด้วยดี สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแบบประเมินสมรรถนะครูฉบับนี้
จะเป็นประโยชน์และได้สารสนเทศที่สำคัญยิ่งต่อการนำไปใช้เพื่อพัฒนาสมรรถนะครู และนำไปสู่การพัฒนาผู้เรียน
และการศึกษาของชาติให้บรรลุเป้าหมายทุกประการ
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
คู่มือการประเมินสมรรถนะครู
สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
การประเมินสมรรถนะในการปฏิบัติงานของครูระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานนี้
เป็นการดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ
ภายใต้โครงการไทยเข็มแข็ง ในเรื่องของการยกระดับคุณภาพครูทั้งระบบ: กิจกรรมจัดระบบพัฒนาครูเชิงคุณภาพเพื่อการพัฒนาครูรายบุคคล
โดยการประเมินสมรรถนะในการปฏิบัติงานของครูผู้สอนนั้นครูผู้สอนจะเป็นผู้ทำการประเมินตนเอง โดยมีรายละเอียดของการประเมินดังต่อไปนี้
1. วัตถุประสงค์ในการประเมิน
เพื่อประเมินสมรรถนะในการปฏิบัติงานของครูผู้สอน
สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และใช้เป็นฐานข้อมูลในการกำหนดกรอบการพัฒนาสมรรถนะครูตามนโยบายพัฒนาครูทั้งระบบ
2. กรอบความคิดของการสร้างแบบประเมินสมรรถนะครู
แบบประเมินสมรรถนะครูที่พัฒนาขึ้นในครั้งนี้
มีกรอบความคิดมาจากแนวคิดของ McClelland นักจิตวิทยาของมหาวิทยาลัย Harvard ที่อธิบายไว้ว่า “สมรรถนะเป็นคุณลักษณะของบุคคลเกี่ยวกับผลการปฏิบัติงาน ประกอบด้วย ความรู้
(Knowledge) ทักษะ (Skills) ความสามารถ
(Ability) และคุณลักษณะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน (Other
Characteristics) และเป็นคุณลักษณะเชิงพฤติกรรมที่ทำให้บุคลากรในองค์กรปฏิบัติงานได้ผลงานที่โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ
ในสถานการณ์ที่หลากหลาย ซึ่งเกิดจากแรงผลักดันเบื้องลึก (Motives) อุปนิสัย (Traits) ภาพลักษณ์ภายใน (Self-image) และบทบาทที่แสดงออกต่อสังคม (Social role) ที่แตกต่างกันทำให้แสดงพฤติกรรมการทำงานที่ต่างกัน
ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาสมรรถนะการบริหารทรัพยากรบุคคลแนวใหม่ภาครัฐ ของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
โดยส่งเสริมสนับสนุนให้ส่วนราชการบริหารทรัพยากรบุคคลตามกรอบมาตรฐานความสำเร็จด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล
(Standard for Success)
เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อความสำเร็จของส่วนราชการ
การกำหนดกรอบการประเมินสมรรถนะครู
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ดำเนินการประชุมเชิงปฏิบัติการกำหนดความต้องการการพัฒนาสมรรถนะของครู
และการประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างแบบทดสอบเพื่อประเมินสมรรถนะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ตามโครงการยกระดับคุณภาพครูทั้งระบบ: กิจกรรมจัดระบบพัฒนาครูเชิงคุณภาพเพื่อการพัฒนาครูรายบุคคล ซึ่งคณะทำงานประกอบด้วย
ผู้บริหารโรงเรียน ศึกษานิเทศก์ นักวิชาการศึกษา ผู้บริหาร
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันพิจารณาและกำหนดสมรรถนะครู
สำนักงาน
|
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
โดยการวิเคราะห์ สังเคราะห์สมรรถนะครู อันประกอบด้วย เจตคติ ค่านิยม ความรู้
ความสามารถ และทักษะที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงานตามภารกิจงานในสถานศึกษา จากแบบประเมินสมรรถนะและมาตรฐานของครูผู้สอน
ที่หน่วยงานต่างๆได้จัดทำไว้ ได้แก่ แบบประเมินคุณภาพการปฏิบัติงาน (สมรรถนะ)
เพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนวิทยฐานะ
ของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มาตรฐานวิชาชีพครู
ของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา รูปแบบสมรรถนะครูและบุคลากรทางการศึกษา
ของสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา (สค.บศ.) นอกจากนี้ยังศึกษาจากแนวคิด
ทฤษฎี และผลการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะที่จำเป็นในการปฏิบัติงานของครูผู้สอน ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
จากการสังเคราะห์สามารถสรุปได้ว่า สมรรถนะครู
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย สมรรถนะหลัก และสมรรถนะประจำสายงาน ดังนี้
1. สมรรถนะหลัก (Core Competency) ประกอบด้วย 5 สมรรถนะ คือ
1.1 การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน
1.2 การบริการที่ดี
1.3 การพัฒนาตนเอง
1.4 การทำงานเป็นทีม
1.5 จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู
2. สมรรถนะประจำสายงาน (Functional Competency) ประกอบด้วย 6 สมรรถนะ คือ
2.1 การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้
2.2 การพัฒนาผู้เรียน
2.3 การบริหารจัดการชั้นเรียน
2.4 การวิเคราะห์ สังเคราะห์
และการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน
2.5 ภาวะผู้นำครู
2.6 การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนเพื่อการจัดการเรียนรู้
3. รายละเอียดและคำอธิบายสมรรถนะครู
สมรรถนะครู
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ ประกอบด้วย สมรรถนะหลัก 5
สมรรถนะและสมรรถนะประจำสายงาน 6 สมรรถนะ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
สมรรถนะหลัก (Core Competency)
สมรรถนะที่ 1 การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน (Working Achievement Motivation) หมายถึง ความมุ่งมั่นในการปฏิบัติงานในหน้าที่ให้มีคุณภาพ
ถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ โดยมีการวางแผน กำหนดเป้าหมาย
ติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน และปรับปรุงพัฒนาประสิทธิภาพและผลงานอย่างต่อเนื่อง
สมรรถนะ
|
ตัวบ่งชี้
|
รายการพฤติกรรม
|
การมุ่งผลสัมฤทธิ์
ในการปฏิบัติงาน
(Working Achievement Motivation)
|
1.1 ความสามารถในการวางแผน
การกำหนดเป้าหมาย
การวิเคราะห์ สังเคราะห์ภารกิจงาน
|
1.
วิเคราะห์ภารกิจงานเพื่อวางแผนการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
|
2. กำหนดเป้าหมายในการปฏิบัติงานทุกภาคเรียน
|
||
3. กำหนดแผนการปฏิบัติงานและการจัดการเรียนรู้อย่างเป็นขั้นตอน
|
||
1.2 ความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่
ให้มีคุณภาพ ถูกต้อง
ครบถ้วนสมบูรณ์
|
1. ใฝ่เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้
|
|
2.
ริเริ่มสร้างสรรค์ในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้
|
||
3. แสวงหาความรู้ที่เกี่ยวกับวิชาชีพใหม่
ๆ เพื่อการพัฒนาตนเอง
|
||
1.3
ความสามารถในการติดตามประเมิน
ผลการปฏิบัติงาน
|
1. ประเมินผลการปฏิบัติงานของตนเอง
|
|
1.4
ความสามารถในการพัฒนา
การปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อให้งานประสบความสำเร็จ
|
1. ใช้ผลการประเมินการปฏิบัติงานมาปรับปรุง/พัฒนาการทำงานให้ดียิ่งขึ้น
|
|
2. พัฒนาการปฏิบัติงานเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เรียน
ผู้ปกครอง และ
ชุมชน
|

สมรรถนะที่ 2 การบริการที่ดี
(Service Mind) หมายถึง ความตั้งใจและความเต็มใจในการให้บริการ
และการปรับปรุงระบบบริการให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ
สมรรถนะ
|
ตัวบ่งชี้
|
รายการพฤติกรรม
|
การบริการที่ดี
(Service
Mind)
|
2.1 ความตั้งใจและเต็มใจใน
การให้บริการ
|
1. ทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมเมื่อมีโอกาส
|
2. เต็มใจ ภาคภูมิใจ และมีความสุขในการให้บริการแก่ผู้รับบริการ
|
||
2.2 การปรับปรุงระบบบริการให้มีประสิทธิภาพ
|
1. ศึกษาความต้องการของผู้รับบริการ
และนำข้อมูลไปใช้ในการปรับปรุง
|
|
2. ปรับปรุงและพัฒนาระบบการให้บริการให้มีประสิทธิภาพ
|
![]() |
สมรรถนะที่ 3 การพัฒนาตนเอง (Self-
Development) หมายถึง
การศึกษาค้นคว้า หาความรู้ ติดตามและแลกเปลี่ยนเรียนรู้องค์ความรู้ใหม่ๆ
ทางวิชาการและวิชาชีพ มีการสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรม เพื่อพัฒนาตนเอง
และพัฒนางาน
สมรรถนะ
|
ตัวบ่งชี้
|
รายการพฤติกรรม
|
การพัฒนาตนเอง
(Self- Development)
|
3.1 การศึกษาค้นคว้าหาความรู้
ติดตามองค์ความรู้ใหม่ๆ ทางวิชาการและวิชาชีพ
|
1. ศึกษาค้นคว้าหาความรู้
มุ่งมั่นและแสวงหาโอกาสพัฒนาตนเองด้วยวิธีการ
ที่หลากหลาย เช่น การเข้าร่วมประชุม/สัมมนา
การศึกษาดูงาน การค้นคว้า
ด้วยตนเอง
|
3.2 การสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมในการพัฒนาองค์กรและวิชาชีพ
|
1. รวบรวม
สังเคราะห์ข้อมูล ความรู้ จัดเป็นหมวดหมู่ และปรับปรุงให้ทันสมัย
2. สร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้
องค์กรและวิชาชีพ
|
|
3.2 การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
และสร้างเครือข่าย
|
1. แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้อื่นเพื่อพัฒนาตนเอง
และพัฒนางาน
2.ให้คำปรึกษา
แนะนำ นิเทศ และถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ทางวิชาชีพ
แก่ผู้อื่น
3. มีการขยายผลโดยสร้างเครือข่ายการเรียนรู้
|
![]() |
สมรรถนะที่ 4
การทำงานเป็นทีม (Team Work) หมายถึง การให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือ
สนับสนุนเสริมแรงให้กำลังใจแก่เพื่อนร่วมงาน การปรับตัวเข้ากับผู้อื่นหรือทีมงาน แสดงบทบาทการเป็นผู้นำหรือผู้ตามได้อย่างเหมาะสมในการทำงานร่วมกับผู้อื่น
เพื่อสร้างและดำรงสัมพันธภาพของสมาชิก ตลอดจนเพื่อพัฒนา
การจัดการศึกษาให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย
สมรรถนะ
|
ตัวบ่งชี้
|
รายการพฤติกรรม
|
การทำงานเป็นทีม
(Team Work)
|
4.1 การให้ความร่วมมือ
ช่วยเหลือและสนับสนุนเพื่อนร่วมงาน
|
1. สร้างสัมพันธภาพที่ดีในการทำงานร่วมกับผู้อื่น
|
2.
ทำงานร่วมกับผู้อื่นตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
|
||
3. ช่วยเหลือ สนับสนุน เพื่อนร่วมงานเพื่อสู่เป้าหมายความสำเร็จร่วมกัน
|
||
4.2 การเสริมแรงให้กำลังใจเพื่อนร่วมงาน
|
1. ให้เกียรติ ยกย่องชมเชย
ให้กำลังใจแก่เพื่อนร่วมงานในโอกาสที่เหมาะสม
|
|
4.3 การปรับตัวเข้ากับกลุ่มคนหรือสถานการณ์ที่หลากหลาย
|
1. มีทักษะในการทำงานร่วมกับบุคคล/กลุ่มบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา
และในสถานการณ์ต่างๆ
|
|
4.4 การแสดงบทบาทผู้นำหรือผู้ตาม
|
1. แสดงบทบาทผู้นำหรือผู้ตามในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสมตามโอกาส
|
|
4.5 การเข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้อื่นใน
การพัฒนาการจัดการศึกษาให้บรรลุ
ผลสำเร็จตามเป้าหมาย
|
1. แลกเปลี่ยน/รับฟังความคิดเห็นและประสบการณ์ภายในทีมงาน
|
|
2. แลกเปลี่ยนเรียนรู้/รับฟังความคิดเห็นและประสบการณ์ระหว่างเครือข่ายและทีมงาน
|
||
3. ร่วมกับเพื่อนร่วมงานในการสร้างวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีมให้เกิดขึ้นในสถานศึกษา
|

สมรรถนะที่ 5 จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู (Teacher’s
Ethics and Integrity) หมายถึง
การประพฤติปฏิบัติตนถูกต้องตามหลักคุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพครู
เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียน และสังคม เพื่อสร้างความศรัทธาในวิชาชีพครู
สมรรถนะ
|
ตัวบ่งชี้
|
รายการพฤติกรรม
|
จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู
(Teacher’s Ethics and Integrity)
|
1. ความรักและศรัทธา ในวิชาชีพ
|
1. สนับสนุน
และเข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาจรรยาบรรณวิชาชีพ
2. เสียสละ
อุทิศตนเพื่อประโยชน์ต่อวิชาชีพ และเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพ
3. ยกย่อง
ชื่นชมบุคคลที่ประสบความสำเร็จในวิชาชีพ
4. ยึดมั่นในอุดมการณ์ของวิชาชีพ
ปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของวิชาชีพ
|
2. มีวินัย
และความรับผิดชอบในวิชาชีพ
|
1. ซื่อสัตย์ต่อตนเอง
ตรงต่อเวลา วางแผนการใช้จ่าย และใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด
2. ปฏิบัติตนตามกฎ
ระเบียบ ข้อบังคับ และวัฒนธรรมที่ดีขององค์กร
3. ปฏิบัติตนตามบทบาทหน้าที่
และมุ่งมั่นพัฒนาการประกอบวิชาชีพให้ก้าวหน้า
4. ยอมรับผลอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง
และหาแนวทางแก้ไขปัญหา อุปสรรค
|
|
3. การดำรงชีวิตอย่างเหมาะสม
|
1. ปฏิบัติตน/ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้เหมาะสมกับสถานะของตน
2. รักษาสิทธิประโยชน์ของตนเอง
และไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น
3. เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ช่วยเหลือ และไม่เบียดเบียนผู้อื่น
|
|
4. การประพฤติปฏิบัติตน
เป็นแบบอย่างที่ดี
|
1. ปฏิบัติตนได้เหมาะสมกับบทบาทหน้าที่
และสถานการณ์
2. มีความเป็นกัลยาณมิตรต่อผู้เรียน
เพื่อนร่วมงาน และผู้รับบริการ
3. ปฏิบัติตนตามหลักการครองตน
ครองคน ครองงานเพื่อให้การปฏิบัติงานบรรลุผลสำเร็จ
4. เป็นแบบอย่างที่ดีในการส่งเสริมผู้อื่นให้ปฏิบัติตนตามหลักจริยธรรม
![]() |
สมรรถนะประจำสายงาน (Functional Competency)
สมรรถนะที่ 1 การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ (Curriculum
and Learning Management) หมายถึง
ความสามารถในการสร้างและพัฒนาหลักสูตร
การออกแบบการเรียนรู้อย่างสอดคล้องและเป็นระบบ
จัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ใช้และพัฒนาสื่อนวัตกรรมเทคโนโลยี และการวัด ประเมินผล การเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด
สมรรถนะ
|
ตัวบ่งชี้
|
รายการพฤติกรรม
|
การบริหารหลักสูตร
และการจัดการเรียนรู้
(Curriculum and Learning Management)
|
1. การสร้างและพัฒนาหลักสูตร
|
1. สร้าง/พัฒนาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางและท้องถิ่น
2. ประเมินการใช้หลักสูตรและนำผลการประเมินไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตร
|
2. ความรู้
ความสามารถใน
การออกแบบการเรียนรู้
|
1.
กำหนดผลการเรียนรู้ของผู้เรียนที่เน้นการวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประยุกต์ ริเริ่มเหมาะสม
กับสาระการเรียนรู้
ความแตกต่างและธรรมชาติของผู้เรียนเป็นรายบุคคล
2. ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้อย่างหลากหลายเหมาะสมสอดคล้องกับวัย
และความต้องการของผู้เรียน และชุมชน
3. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการออกแบบการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมและการประเมินผลการเรียนรู้
4. จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบโดยบูรณาการอย่างสอดคล้องเชื่อมโยงกัน
5. มีการนำผลการออกแบบการเรียนรู้ไปใช้ในการจัดการเรียนรู้
และปรับใช้ตามสถานการณ์
อย่างเหมาะสมและเกิดผลกับผู้เรียนตามที่คาดหวัง
![]() |
|
3. การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
|
1. จัดทำฐานข้อมูลเพื่ออกแบบการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
2. ใช้รูปแบบ/เทคนิควิธีการสอนอย่างหลากหลายเพื่อให้ผู้เรียนพัฒนาเต็มตามศักยภาพ
3. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ปลูกฝัง/ส่งเสริมคุณลักษณะอันพึงประสงค์และสมรรถนะของผู้เรียน
4. ใช้หลักจิตวิทยาในการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข
และพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ
5.ใช้แหล่งเรียนรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นในชุมชนในการจัดการเรียนรู้
6. พัฒนาเครือข่ายการเรียนรู้ระหว่างโรงเรียนกับผู้ปกครอง
และชุมชน
|
|
4. การใช้และพัฒนาสื่อนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อการจัดการเรียนรู้
|
1. ใช้สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้อย่างหลากหลาย
เหมาะสมกับเนื้อหาและกิจกรรมการเรียนรู้
2. สืบค้นข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้
3. ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อ/นวัตกรรมที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้
|
|
5. การวัดและประเมินผล
การเรียนรู้
|
1. ออกแบบวิธีการวัดและประเมินผลอย่างหลากหลาย เหมาะสมกับเนื้อหา
กิจกรรม
การเรียนรู้ และผู้เรียน
2. สร้างและนำเครื่องมือวัดและประเมินผลไปใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม
3. วัดและประเมินผลผู้เรียนตามสภาพจริง
4. นำผลการประเมินการเรียนรู้มาใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้
|

สมรรถนะที่ 2 การพัฒนาผู้เรียน (Student Development)
หมายถึง ความสามารถในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม
การพัฒนาทักษะชีวิต สุขภาพกาย และสุขภาพจิต ความเป็นประชาธิปไตย ความภูมิใจในความเป็นไทย
การจัดระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ
สมรรถนะ
|
ตัวบ่งชี้
|
รายการพฤติกรรม
|
การพัฒนาผู้เรียน
(Student Development)
|
2.1 การปลูกฝังคุณธรรม
จริยธรรมให้แก่ผู้เรียน
|
1. สอดแทรกคุณธรรม
จริยธรรมแก่ผู้เรียนในการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน
2. จัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม
จริยธรรมโดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการวางแผนกิจกรรม
3. จัดทำโครงการ/กิจกรรมที่ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมให้แก่ผู้เรียน
|
2.2 การพัฒนาทักษะชีวิต
และสุขภาพกาย และสุขภาพจิตผู้เรียน
|
1. จัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผู้เรียนด้านการดูแลตนเอง
มีทักษะในการเรียนรู้ การทำงาน
การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข
และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง
|
|
2.3
การปลูกฝังความเป็นประชาธิปไตย ความภูมิใจใน
ความเป็นไทยให้กับผู้เรียน
|
1. สอดแทรกความเป็นประชาธิปไตย
ความภูมิใจในความเป็นไทย ให้แก่ผู้เรียน
2. จัดทำโครงการ/กิจกรรมส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย
ความภูมิใจในความเป็นไทย
|
|
2.4 การจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
|
1. ให้ผู้เรียน คณะครูผู้สอน และผู้ปกครองมีส่วนร่วมในดูแลช่วยเหลือนักเรียนรายบุคคล
2. นำข้อมูลนักเรียนไปใช้ช่วยเหลือ/พัฒนาผู้เรียนทั้งด้านการเรียนรู้และปรับพฤติกรรม
เป็นรายบุคคล
3. จัดกิจกรรมเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหา
และส่งเสริมพัฒนาผู้เรียนให้แก่นักเรียนอย่างทั่วถึง
4. ส่งเสริมให้ผู้เรียนปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมกับค่านิยมที่ดีงาม
![]() |
สมรรถนะที่ 3 การบริหารจัดการชั้นเรียน (Classroom
Management) หมายถึง
การจัดบรรยากาศการเรียนรู้ การจัดทำข้อมูลสารสนเทศและเอกสารประจำ
ชั้นเรียน/ประจำวิชา การกำกับดูแลชั้นเรียนรายชั้น/รายวิชา
เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีความสุข และความปลอดภัยของผู้เรียน
สมรรถนะ
|
ตัวบ่งชี้
|
รายการพฤติกรรม
|
การบริหารจัดการชั้นเรียน
(Classroom Management)
|
1. จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมการเรียนรู้
ความสุขและความปลอดภัยของ
ผู้เรียน
|
1. จัดสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียน
และภายนอกห้องเรียนที่เอื้อต่อการเรียนรู้
2. ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูกับผู้เรียน
และผู้เรียนกับผู้เรียน
3. ตรวจสอบสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องเรียนให้พร้อมใช้และปลอดภัยอยู่เสมอ
|
2. จัดทำข้อมูลสารสนเทศและเอกสารประจำชั้นเรียน/ประจำวิชา
|
1. จัดทำข้อมูลสารสนเทศของนักเรียนเป็นรายบุคคลและเอกสารประจำชั้นเรียนอย่างถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน
2. นำข้อมูลสารสนเทศไปใช้ในการพัฒนาผู้เรียนได้เต็มตามศักยภาพ
|
|
3. กำกับดูแลชั้นเรียนรายชั้น/รายวิชา
|
1. ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการกำหนดกฎ
กติกา ข้อตกลงในชั้นเรียน
2. แก้ปัญหา/พัฒนานักเรียนด้านระเบียบวินัยโดยการสร้างวินัยเชิงบวกในชั้นเรียน
3. ประเมินการกำกับดูแลชั้นเรียน
และนำผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรุง
และพัฒนา
|
![]() |
สมรรถนะที่ 4 การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน
(Analysis & Synthesis & Classroom
Research) หมายถึง ความสามารถในการทำ
ความเข้าใจ
แยกประเด็นเป็นส่วนย่อย รวบรวม
ประมวลหาข้อสรุปอย่างมีระบบและนำไปใช้ในการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งสามารถวิเคราะห์องค์กรหรืองานในภาพรวมและดำเนินการแก้ปัญหา
เพื่อพัฒนางานอย่างเป็นระบบ
สมรรถนะ
|
ตัวบ่งชี้
|
รายการพฤติกรรม
|
การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และ
การวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน
(Analysis & Synthesis & Classroom Research)
|
1. การวิเคราะห์
|
1. สำรวจปัญหาเกี่ยวกับนักเรียนที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนเพื่อวางแผนการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน
2. วิเคราะห์สาเหตุของปัญหาเกี่ยวกับนักเรียนที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนเพื่อกำหนดทางเลือกในการแก้ไขปัญหาระบุสภาพปัจจุบัน
3. มีการวิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อย
อุปสรรคและโอกาสความสำเร็จของการวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชั้นเรียน
|
2. การสังเคราะห์
|
1. รวบรวม จำแนกและจัดกลุ่มของสภาพปัญหาของผู้เรียน
แนวคิดทฤษฎีและวิธีการแก้ไขปัญหาเพื่อสะดวกต่อการนำไปใช้
2. มีการประมวลผลหรือสรุปข้อมูลสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาในชั้นเรียนโดยใช้ข้อมูลรอบด้าน
|
|
3. การวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน
|
1. จัดทำแผนการวิจัย และดำเนินกระบวนการวิจัย
อย่างเป็นระบบตามแผนดำเนินการวิจัยที่กำหนดไว้
2. ตรวจสอบความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของผลการวิจัยอย่างเป็นระบบ
![]() |
สมรรถนะที่ 5 ภาวะผู้นำครู (Teacher Leadership)
หมายถึง คุณลักษณะและพฤติกรรมของครูที่แสดงถึงความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ส่วนบุคคล
และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันทั้งภายในและภายนอกห้องเรียนโดยปราศจากการใช้อิทธิพลของผู้บริหารสถานศึกษา
ก่อให้เกิดพลังแห่งการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการจัด
การเรียนรู้ให้มีคุณภาพ
สมรรถนะ
|
ตัวบ่งชี้
|
รายการพฤติกรรม
|
ภาวะผู้นำครู
(Teacher Leadership)
|
1.
วุฒิภาวะความเป็นผู้ใหญ่
ที่เหมาะสมกับความเป็นครู
(Adult Development)
|
1.
พิจารณาทบทวน ประเมินตนเองเกี่ยวกับพฤติกรรมที่แสดงออกต่อผู้เรียนและผู้อื่น และ
มีความรับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวม
2. เห็นคุณค่า
ให้ความสำคัญในความคิดเห็นหรือผลงาน และให้เกียรติแก่ผู้อื่น
3.
กระตุ้นจูงใจ
ปรับเปลี่ยนความคิดและการกระทำของผู้อื่นให้มีความผูกพันและมุ่งมั่นต่อ
เป้าหมายในการทำงานร่วมกัน
|
2.
การสนทนาอย่างสร้างสรรค์
(Dialogue)
|
1.
มีปฏิสัมพันธ์ในการสนทนา มีบทบาท
และมีส่วนร่วมในการสนทนาอย่างสร้างสรรค์กับผู้อื่น
โดยมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้ของผู้เรียนและการพัฒนาวิชาชีพ
2. มีทักษะการฟัง
การพูด และการตั้งคำถาม เปิดใจกว้าง ยืดหยุ่น ยอมรับทัศนะที่หลากหลาย
ของผู้อื่น เพื่อเป็นแนวทางใหม่ๆ
ในการปฏิบัติงาน
3. สืบเสาะข้อมูล
ความรู้ทางวิชาชีพใหม่ๆ ที่สร้างความท้าทายในการสนทนาอย่างสร้างสรรค์
กับผู้อื่น
|
|
3.
การเป็นบุคคลแห่ง
การเปลี่ยนแปลง (Change Agency)
|
1. ให้ความสนใจต่อสถานการณ์ต่างๆ
ที่เป็นปัจจุบัน โดยมีการวางแผนอย่างมีวิสัยทัศน์ซึ่ง
เชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์ เป้าหมาย
และพันธกิจของโรงเรียนร่วมกับผู้อื่น
2.
ริเริ่มการปฏิบัติที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและการพัฒนานวัตกรรม
|

สมรรถนะ
|
ตัวบ่งชี้
|
รายการพฤติกรรม
|
|
|
3.
กระตุ้นผู้อื่นให้มีการเรียนรู้และความร่วมมือในวงกว้างเพื่อพัฒนาผู้เรียน
สถานศึกษา
และวิชาชีพ
4. ปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่นภายใต้ระบบ/ขั้นตอนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้
|
4.
การปฏิบัติงานอย่างไตร่ตรอง
(Reflective Practice)
|
1. พิจารณาไตร่ตรองความสอดคล้องระหว่างการเรียนรู้ของนักเรียน
และการจัดการเรียนรู้
2. สนับสนุนความคิดริเริ่มซึ่งเกิดจากการพิจารณาไตร่ตรองของเพื่อนร่วมงาน
และมีส่วนร่วม
ในการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ
3. ใช้เทคนิควิธีการหลากหลายในการตรวจสอบ
ประเมินการปฏิบัติงานของตนเอง และ
ผลการดำเนินงานสถานศึกษา
|
|
5. การมุ่งพัฒนาผลสัมฤทธิ์ผู้เรียน
(Concern
for improving pupil achievement)
|
1. กำหนดเป้าหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ที่ท้าทายความสามารถของตนเองตามสภาพจริง
และปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จได้
2. ให้ข้อมูลและข้อคิดเห็นรอบด้านของผู้เรียนต่อผู้ปกครองและผู้เรียนอย่างเป็นระบบ
3. ยอมรับข้อมูลป้อนกลับเกี่ยวกับความคาดหวังด้านการเรียนรู้ของผู้เรียนจากผู้ปกครอง
4. ปรับเปลี่ยนบทบาทและการปฏิบัติงานของตนเองให้เอื้อต่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ผู้เรียน
5. ตรวจสอบข้อมูลการประเมินผู้เรียนอย่างรอบด้าน
รวมไปถึงผลการวิจัย หรือองค์ความรู้
ต่างๆ และนำไปใช้ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ผู้เรียนอย่างเป็นระบบ
|
![]() |
สมรรถนะที่ 6 การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนเพื่อการจัดการเรียนรู้ (Relationship
& Collaborative – Building for Learning Management) หมายถึง การประสานความร่วมมือ
สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และเครือข่ายกับผู้ปกครอง ชุมชน และองค์กรอื่นๆ
ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนส่งเสริม
การจัดการเรียนรู้
สมรรถนะ
|
ตัวบ่งชี้
|
รายการพฤติกรรม
|
การสร้างความสัมพันธ์
และความร่วมมือกับชุมชน
เพื่อการจัดการเรียนรู้
(Relationship & Collaborative for Learning)
|
1. การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชน
เพื่อการจัดการเรียนรู้
|
1. กำหนดแนวทางในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
และความร่วมมือกับชุมชน
2. ประสานให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ
ของสถานศึกษา
3. ให้ความร่วมมือในกิจกรรมต่างๆ
ของชุมชน
4. จัดกิจกรรมที่เสริมสร้าง
ความสัมพันธ์และความร่วมมือกับผู้ปกครอง ชุมชน และ
องค์กรอื่นๆ
ทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อการจัดการเรียนรู้
|
2. การสร้างเครือข่าย
ความร่วมมือเพื่อการจัด
การเรียนรู้
|
1. สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างครู
ผู้ปกครอง ชุมชน และองค์กรอื่นๆ ทั้งภาครัฐและ
เอกชน
เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการจัดการเรียนรู้
|
![]() |
|
4. ผู้ใช้แบบประเมินสมรรถนะครู
แบบประเมินสมรรถนะครูฉบับนี้ สำหรับครูผู้สอนทำการประเมินสมรรถนะในการปฏิบัติงานตามสภาพจริง
เพื่อจะได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับสมรรถนะของครูผู้สอน และนำผลการประเมินไปใช้ในการกำหนดกรอบการพัฒนาสมรรถนะครูให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดต่อการพัฒนาผู้เรียน
สถานศึกษา และวิชาชีพ ผู้ใช้แบบประเมินสมรรถนะครู ดังนี้
1. ครูผู้สอน : ประเมินตนเอง
2. เพื่อนครูผู้สอนในสถานศึกษาเดียวกัน :
ประเมินครูผู้สอน
3. ผู้บริหารสถานศึกษา : ประเมินครูผู้สอน
5.
เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน
แบบประเมินสมรรถนะในการปฏิบัติงานของครูผู้สอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เนื้อหาของแบบประเมินนี้มีจำนวน 2 ตอน ประกอบด้วยตอนที่ 1 คือ
ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบ และตอนที่ 2 แบบวัดสมรรถนะในการปฏิบัติงานของครูผู้สอน มีจำนวน
11 สมรรถนะ รวมทั้งสิ้น 100 ข้อรายการ โดยมีลักษณะเป็นแบบมาตรวัดประมาณค่า 5 ระดับ คือ ปฏิบัติน้อยที่สุด น้อย ปานกลาง มาก
และมากที่สุด โดยเกณฑ์การให้คะแนนแต่ละข้อรายการ มีดังนี้ คือ ปฏิบัติน้อยที่สุด
ได้คะแนน 1 คะแนน ปฏิบัติน้อย ได้คะแนน 2
คะแนน ปฏิบัติปานกลาง ได้คะแนน 3 คะแนน ปฏิบัติมากได้คะแนน 4 คะแนน และปฏิบัติมากที่สุด ได้คะแนน 5 คะแนน
รายละเอียดของโครงสร้างเครื่องมือวิจัยฉบับนี้แสดงดังตารางต่อไปนี้
ตาราง โครงสร้างแบบประเมินสมรรถนะในการปฏิบัติงานของครูผู้สอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เนื้อหาหลัก
|
เนื้อหาย่อย
|
ลักษณะเครื่องมือ
|
จำนวนข้อ
|
ตอนที่ 1
ข้อมูลทั่วไป
|
เพศ ตำแหน่ง ระดับการศึกษาสูงสุด
อายุราชการ
และกลุ่มสาระการเรียนที่มีความถนัดหรือเชี่ยวชาญ
|
เลือกตอบ
และปลายเปิด
|
5
|
ตอนที่ 2
สมรรถนะในการปฏิบัติงานของครูผู้สอน
|
1. สมรรถนะหลัก(Core competency)
|
แบบวัดชนิดมาตรประมาณค่า 5 ระดับ
(100 ข้อ)
|
|
1.1 การมุ่งมั่นผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน
|
9
|
||
1.2
การบริการที่ดี
|
7
|
||
1.3
การพัฒนาตนเอง
|
7
|
||
1.4
การทำงานเป็นทีม
|
8
|
||
1.5 จริยธรรม
และจรรยาบรรณวิชาชีพครู
|
10
|
|
ตาราง โครงสร้างแบบประเมินสมรรถนะในการปฏิบัติงานของครูผู้สอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เนื้อหาหลัก
|
เนื้อหาย่อย
|
ลักษณะเครื่องมือ
|
จำนวนข้อ
|
|
2. สมรรถนะตามสายงาน (Functional competency)
|
แบบวัดชนิดมาตรประมาณค่า 5 ระดับ
|
|
2.1 การบริหารจัดการหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้
|
12
|
||
2.2 การพัฒนาผู้เรียน
|
11
|
||
2.3 การบริหารจัดการชั้นเรียน
|
8
|
||
2.4 การวิเคราะห์ สังเคราะห์
และการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน
|
8
|
||
2.5 ภาวะผู้นำครู
|
12
|
||
2.6 สร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนเพื่อการจัดการเรียนรู้
|
8
|
6. การสร้างและตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือในการประเมินสมรรถนะครู
6.1 การสร้างเครื่องมือประเมิน
แบบประเมินสมรรถนะครูที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้
เป็นแบบสอบถาม (questionnaire) ซึ่งผู้ทรงคุณวุฒิและคณะทำงาน ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานพัฒนาขึ้นโดยใช้กรอบแนวคิดสมรรถนะครูที่ได้จากการประชุมเชิงปฏิบัติการกำหนดกรอบการพัฒนาสมรรถนะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ศึกษาวิเคราะห์เอกสาร และผลงานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วนำไปทดลองใช้กับครูผู้สอนในสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สังกัดเทศบาลนครนนทบุรี จำนวน 120 คน ที่ไม่ได้เป็นกลุ่มตัวอย่าง
แต่มีลักษณะใกล้เคียงกับประชากร/กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาครั้งนี้ เพื่อตรวจสอบหาคุณภาพของเครื่องมือ
ตัวอย่างแบบประเมินสมรรถนะครู
รายการพฤติกรรม
|
ระดับการปฏิบัติ
|
||||
น้อยที่สุด
|
น้อย
|
ปานกลาง
|
มาก
|
มากที่สุด
|
|
สมรรถนะการมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน
1. วิเคราะห์ภารกิจงานเพื่อวางแผนการแก้ปัญหา
อย่างเป็นระบบ
|
|
|
|
|
|
2. กำหนดเป้าหมายในการปฏิบัติงานในทุก
ภาคเรียน
|
|
|
|
|
|
|
6.2 การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือประเมิน
การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือประเมินในครั้งนี้
ดำเนินดังต่อไปนี้
1) การตรวจสอบหาค่าอำนาจจำแนก
โดยทำการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของกลุ่มสูง(กลุ่ม 33% บน) กับกลุ่มต่ำ
(กลุ่ม 33% ล่าง) ด้วยการวิเคราะห์ค่าสถิติ
t-test ซึ่งถ้าค่าแตกต่างของค่าเฉลี่ยมีนัยสำคัญทางสถิติถือว่าข้อรายการมีอำนาจจำแนก
ซึ่งจากการทดสอบข้อรายการส่วนใหญ่มีค่าอำนาจจำแนกผ่านเกณฑ์
2) การตรวจสอบหาค่าความเชื่อมั่น
(Reliability) โดยหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค
(Cronbach’s alpha coefficient) ของแบบประเมินรายสมรรถนะและสมรรถนะรวม
และทำการปรับปรุงแก้ไขโดยพิจารณาจากค่าความเชื่อมั่น ซึ่งจากผลการทดสอบพบว่า ค่าความเชื่อมั่น
(Reliability) ทั้งฉบับทีค่าเท่ากับ 0.99 โดยในแต่ละสมรรถนะมีค่าความเชื่อมั่น
(Reliability) อยู่ระหว่าง 0.83 – 0.97
3) การตรวจสอบความเป็นปรนัย โดยการสนทนากลุ่ม (Focus Group) กับครูผู้สอนในสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สังกัดเทศบาลนครนนทบุรี จำนวน 10 คนที่ทดลองทำแบบประเมินเกี่ยวกับความเป็นปรนัย
และความถูกต้องของสำนวนภาษาและคำชี้แจงต่างๆ และข้อเสนอแนะอื่นๆ
4) การตรวจสอบความตรงด้านเนื้อหา
(Content Validity)
ด้วยการตรวจสอบค่าการตรวจสอบความสอดคล้องและเหมาะสมของประเด็นย่อยกับสมรรถนะที่ต้องการวัดจากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 10 ท่าน
และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ ค่า IOC จากผลการตรวจสอบพบว่า
ข้อรายการมีค่า IOC อยู่ระหว่าง 0.8 –
1.00
5) การตรวจสอบความตรงด้านโครงสร้าง
(Construct Validity) โดยการตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างโครงสร้างองค์ประกอบของสมรรถนะในการปฏิบัติงานของครูผู้สอนที่สังเคราะห์ขึ้นกับข้อมูลเชิงประจักษ์
ด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน 2 ระดับ (Second-order Confirmatory Factor Analysis) ด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป LISREL version 8.30 ซึ่งจากผลการตรวจสอบความตรงเชิงโครงสร้างของตัวแปรในโมเดลสมรรถนะในการปฏิบัติงานของครูผู้สอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สรุปได้ว่าองค์ประกอบและตัวแปรที่มุ่งวัดสมรรถนะในการปฏิบัติงานมีความตรงเชิงโครงสร้าง
(construct validity) โดยสรุปแสดงให้เห็นว่าตัวแปรแฝงต่าง ๆ
ดังกล่าวสามารถวัดได้ด้วยตัวแปรสังเกตได้หรือองค์ประกอบในแต่ละโมเดลได้จริง
โดยรายละเอียดของการวิเคราะห์ความตรงเชิงโครงสร้างของเครื่องมือ นำเสนอดังแผนภาพ โดยรายละเอียดของการวิเคราะห์อยู่ในภาคผนวก
|

แผนภาพ ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันโมเดลโครงสร้างสมรรถนะในการปฏิบัติงานของครูผู้สอน
7. การให้คะแนนและการแปลผลการประเมินสมรรถนะครู
7.1 การให้คะแนนการประเมินสมรรถนะครู
1. การให้คะแนนในแต่ละข้อรายการจะมีระดับคุณภาพของสภาพการปฏิบัติงาน
5 ระดับได้แก่ ปฏิบัติน้อยที่สุด
ปฏิบัติน้อย ปฏิบัติปานกลาง ปฏิบัติมาก และปฏิบัติมากที่สุด โดยกำหนดค่าคะแนนเป็น
1, 2, 3, 4 และ 5 ตามลำดับ
2. การประมวลผลในแต่ละข้อรายการ
ให้นำคะแนนที่ประเมินจากครูผู้สอนประเมินตนเอง เพื่อนครูประเมิน และผู้บริหารประเมิน
มาคำนวณหาค่าฐานนิยม (Mode) หรือค่ามัธยฐาน(Median)
ในทางปฏิบัติให้กรอกคะแนนที่ครูผู้สอนประเมินตนเอง เพื่อนครูประเมิน
และผู้บริหารประเมิน(ประมวลผลข้อมูลด้วยโปรแกรมวิเคราะห์สมรรถนะครู ของ สพฐ.)
3. การประมวลผลในแต่ละสมรรถนะ ให้นำค่าฐานนิยม (Mode) หรือค่ามัธยฐาน(Median) ในแต่ละข้อรายการ (ที่ได้จากข้อ 2) มาคำนวณหาค่าคะแนนเฉลี่ย (Mean)
แล้วนำเทียบกับเกณฑ์ในการแปลผลการประเมินเพื่อสรุปเป็นผลการประเมินรายสมรรถนะ
(ประมวลผลข้อมูลด้วยโปรแกรมวิเคราะห์สมรรถนะครู ของ สพฐ.)
|
7.2 เกณฑ์ในการแปลผลการประเมินรายสมรรถนะ การนำคะแนนเฉลี่ยที่คำนวณได้ในแต่ละสมรรถนะมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ในการแปลผลที่กำหนดไว้
ดังนี้
ค่าคะแนนเฉลี่ย
|
ระดับคุณภาพ
|
4.01-5.00
|
สูง
|
3.01-4.00
|
ปานกลาง
|
ตั้งแต่ 3.00 ลงมา
|
ต่ำ
|
ตัวอย่าง การประมวลผลและการแปลผลการประเมินสมรรถนะการบริการที่ดี
รายการพฤติกรรม
|
ผลการประเมิน
|
คะแนนฐานนิยม
|
||
ตนเอง
|
เพื่อนครู
|
ผู้บริหาร
|
||
1.
วิเคราะห์ภารกิจงานเพื่อวางแผนการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
|
2
|
3
|
2
|
2
|
2.
กำหนดเป้าหมายในการปฏิบัติงานทุกภาคเรียน
|
4
|
4
|
5
|
4
|
3.
กำหนดแผนการปฏิบัติงานอย่างเป็นขั้นตอน
|
5
|
5
|
5
|
5
|
4.
ใฝ่เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้
|
5
|
4
|
5
|
5
|
คะแนนเฉลี่ย
(ผลรวมของคะแนนฐานนิยม
/ จำนวนรายการพฤติกรรม)
|
(16/4)
4.00
|
|||
ระดับคุณภาพ
|
ปานกลาง
|
สรุป สมรรถนะการบริการที่ดี มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.00 และมีสมรรถนะอยู่ในระดับปานกลาง
(ประมวลผลข้อมูลด้วยโปรแกรมวิเคราะห์สมรรถนะครู
ของ สพฐ.)
8.
การนำเสนอผลการประเมินสมรรถนะครู
การนำเสนอผลการประเมินให้นำคะแนนเฉลี่ยและระดับคุณภาพในแต่ละสมรรถนะมากรอกลงในแบบสรุปผลการประเมินสมรรถนะของครูผู้สอนในตอนท้ายของแบบประเมิน
แล้วจึงรายงานผลการประเมินให้ผู้บริหารหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาสมรรถนะครูต่อไป

ตัวอย่าง
ผลการประเมินสมรรถนะครู สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ชื่อ นายสมศักดิ์ รักงานดี ตำแหน่ง ครู คศ. 2 วิทยฐานะ ชำนาญการ
โรงเรียน
บ้านหนองเสือดุ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
นครบุรีรมย์ เขต 1
สมรรถนะ
|
คะแนนเฉลี่ย
|
ระดับคุณภาพ
|
สมรรถนะหลัก (Core Competency)
|
||
000. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน
|
1.66
|
ต่ำ
|
001. การบริการที่ดี
|
4.00
|
ปานกลาง
|
003. การพัฒนาตนเอง
|
2.72
|
ต่ำ
|
004. การทำงานเป็นทีม
|
3.42
|
ต่ำ
|
005. จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ
|
4.32
|
สูง
|
สมรรถนะประจำสายงาน (Functional Competency)
|
||
001. การบริหารจัดการหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้
|
4.66
|
สูง
|
002. การพัฒนาผู้เรียน
|
2.39
|
ต่ำ
|
003. การบริหารจัดการชั้นเรียน
|
2.75
|
ต่ำ
|
004. การวิเคราะห์ สังเคราะห์และการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน
|
1.68
|
ต่ำ
|
005. ภาวะผู้นำครู
|
1.20
|
ต่ำ
|
006. การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชน
|
3.85
|
ปานกลาง
|
สรุปผล
สมรรถนะระดับสูง จำนวน....2.....สมรรถนะ
สมรรถนะระดับปานกลาง จำนวน....2.....สมรรถนะ
สมรรถนะระดับต่ำ จำนวน....7.....สมรรถนะ