กพฐ

62. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหน้าที่ ข้อใดสาคัญที่สุด?
ก. จัดการศึกษาระดับต่ำกว่าระดับอุดมศึกษา
ข. เสนอนโยบาย แผนพัฒนา มาตรฐานและหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ค. สนับสนุนทรัพยากร การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ง. ติดตามตรวจสอบ และประเมินการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ก. จัดการศึกษาระดับต่ำกว่าระดับอุดมศึกษา
63. สถานศึกษาของรัฐจัดการศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคลมีลักษณะอย่างไรข้อใดมิใช่?
ก. ไม่อยู่ภายใต้การกากับของสภาการศึกษา
ข. พัฒนาระบบบริหารเป็นของตนเอง
ค. มีความคล่องตัวทางวิชาการ
ง. มีกฎหมายจัดตั้งสถานศึกษานั้นๆ
เฉลย  63.    ก
มาตรา ๓๖ ให้สถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาเป็นนิติบุคคล และอาจจัดเป็นส่วนราชการหรือเป็นหน่วยงานในกากับของรัฐ ยกเว้นสถานศึกษาเฉพาะทางตามมาตรา ๒๑
ให้สถานศึกษาดังกล่าวดาเนินกิจการได้โดยอิสระ สามารถพัฒนาระบบบริหาร และการจัดการที่เป็นของตนเอง มีความคล่องตัว มีเสรีภาพทางวิชาการ และอยู่ภายใต้การกากับดูแลของสภาการศึกษา ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งสถานศึกษานั้น ๆ
64. การบริหารและการจัดการศึกษาโดยยึดเขตพื้นที่เป็นหลักใดสำคัญที่สุด?
ก. ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข. ปริมาณสถานศึกษา
ค. จานวนประชากร
ง. วัฒนธรรม
เฉลย  64.   ก
มาตรา ๓๗8[๘] การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษาโดยคำนึงถึงระดับของการศึกษาขั้นพื้นฐาน จานวนสถานศึกษา จานวนประชากร วัฒนธรรมและความเหมาะสมด้านอื่นด้วย เว้นแต่การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยการอาชีวศึกษา
65. ใครมีอำนาจประกาศกำหนดเขตพื้นที่การศึกษา?
ก. เลขาธิการสภาการศึกษา
ข. นายกรัฐมนตรี
ค. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เฉลย  65.   ง        มาตรา 37 วรรค 2
ให้รัฐมนตรีโดยคาแนะนาของสภาการศึกษา มีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อการบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน แบ่งเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
66. การประกาศกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาต้องได้รับการแนะนำจากใคร?
ก. รัฐสภา
ข. คณะรัฐมนตรี
ค. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ง. สภาการศึกษา
เฉลย   66.    ง
มาตรา 37 วรรค 2
ให้รัฐมนตรีโดยคาแนะนาของสภาการศึกษา มีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อการบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน แบ่งเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
68. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลสถานศึกษาเอกชนของสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา?
ก. ส่งเสริม สนับสนุน การจัดการศึกษา
ข. ประสาน ส่งเสริม การจัดการศึกษา
ค. ประสาน ส่งเสริม สนับสนุน การจัดการศึกษา
ง. ประสาน ส่งเสริม สนับสนุน กำกับดูแลการจัดการศึกษา
เฉลย   68.   ค
มาตรา ๓๘9[๙] ในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา ให้มีคณะกรรมการและสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามีอำนาจหน้าที่ในการกากับดูแล ประสาน ส่งเสริมและสนับสนุนสถานศึกษาเอกชนในเขตพื้นที่การศึกษา ประสานและส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้สามารถจัดการศึกษาสอดคล้องกับนโยบายและมาตรฐานการศึกษา ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาของบุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่นที่จัดการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลายในเขตพื้นที่การศึกษา
72. ผู้กำหนดเกณฑ์การประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาของ อปท. คือใคร?
ก. รัฐสภา
ข. กระทรวงศึกษาธิการ
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ง. สภาการศึกษา
เฉลย   72.  ข
มาตรา ๔๒ ให้กระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และมีหน้าที่ในการประสานและส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถจัดการศึกษา สอดคล้องกับนโยบายและได้มาตรฐานการศึกษา รวมทั้งการเสนอแนะการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
74. หลักเกณฑ์การกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการศึกษากำหนดเป็นตามข้อใด?
ก. กฎหมาย
ข. กฎ ก.ค.ศ.
ค. ระเบียบ
ง. กฎกระทรวง
เฉลย  74. ง              มาตรา ๓๙11[๑๑] ให้กระทรวงกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการศึกษา ทั้งด้านวิชาการ งบประมาณ การบริหารงานบุคคล และการบริหารทั่วไปไปยังคณะกรรมการ และสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาโดยตรงหลักเกณฑ์และวิธีการกระจายอำนาจดังกล่าว ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
75. ผู้แทนในคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานข้อใดมิใช่?
ก. ผู้แทนครู
ข. ผู้แทนองค์กรเอกชน
ค. ผู้แทนศิษย์เก่า
ง. ผู้ทรงคุณวุฒิ
เฉลย  75. ข
มาตรา ๔๐12[๑๒] ให้มีคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญา และสถานศึกษาอาชีวศึกษาของแต่ละสถานศึกษาเพื่อทาหน้าที่กากับและส่งเสริม สนับสนุนกิจการของสถานศึกษา ประกอบด้วย ผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนครู ผู้แทนองค์กรชุมชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนศิษย์เก่าของสถานศึกษา ผู้แทนพระภิกษุสงฆ์หรือผู้แทนองค์กรศาสนาอื่นในพื้นที่ และผู้ทรงคุณวุฒิ
76. รัฐมีอำนาจกากับโรงเรียนเอกชนในด้านใด?
ก. การวัดผล
ข. มาตรฐานการศึกษา
ค. วิชาการ
ง. ธุรการ
เฉลย   76  .ข    มาตรา ๔๓ การบริหารและการจัดการศึกษาของเอกชนให้มีความเป็นอิสระ โดยมีการกากับติดตาม การประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาจากรัฐ และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาเช่นเดียวกับสถานศึกษาของรัฐ
77. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบประกันคุณภาพภายใน คือข้อใด?
ก. สถานศึกษาเท่านั้น
ข. สถานศึกษาและเขตพื้นที่
ค. สถานศึกษา เขตพื้นที่ และ กพฐ.
ง. สถานศึกษา เขตพื้นที่ กพฐ. และกระทรวงศึกษาธิการ
เฉลย   77.  ข   มาตรา ๔๘ ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดาเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดทารายงานประจาปีเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา และเพื่อรองรับการประกันคุณภาพภายนอก
78. วัตถุประสงค์ที่ให้มีระบบประกันคุณภาพการศึกษาข้อใดกล่าวถูกต้องที่สุด?
ก. เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา
ข. ให้มีมาตรฐานการศึกษา
ค. เพื่อวัดคุณภาพการศึกษา
ง. ข้อ ก และข้อ ข ถูก
เฉลย   78.   ง
มาตรา ๔๗ ให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายใน และระบบการประกันคุณภาพภายนอก
79. การประกันคุณภาพใน สถานศึกษาไม่ต้องรายงานใคร?
ก. หน่วยงานต้นสังกัด
ข. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ค. เปิดเผยต่อสาธารณชน
ง. ผู้ว่าราชการจังหวัด
เฉลย  79.   ง
โดยมีการจัดทารายงานประจาปีเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา และเพื่อรองรับการประกันคุณภาพภายนอก
81. หน้าที่ของ สมศ. ข้อใดมิใช่?
ก. พัฒนาเกณฑ์การประเมิน
ข. ตัดสินผลการประเมิน
ค. ทาการประเมิน
ง. กาหนดวิธีการประเมิน
เฉลย  81.  ข
มาตรา ๔๙ ให้มีสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา มีฐานะเป็นองค์การมหาชนทาหน้าที่พัฒนาเกณฑ์ วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก และทาการประเมินผลการจัดการศึกษาเพื่อให้มีการตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษา
82. มาตรฐานการศึกษาแห่งชาติเป็นไปตามข้อใด?
ก. 3 มาตรฐาน 9 ตัวบ่งชี้
ข. 3 มาตรฐาน 11 ตัวบ่งชี้
ค. 9 มาตรฐาน 18 ตัวบ่งชี้
ง. 11 มาตรฐาน 18 ตัวบ่งชี้
เฉลย  82.  ข  พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545
กำหนดมาตรฐานและตัวบ่งชี้ไว้ 3 มาตรฐานและ 11 ตัวบ่งชี้ ได้แก่
มาตรฐานที่ 1 คุณลักษณะของคนไทยที่พึงประสงค์ ทั้งในฐานะพลเมืองและพลโลก
มาตรฐานที่ 2 แนวการจัดการศึกษา
มาตรฐานที่ 3 แนวการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้/สังคมแห่งความรู้
83. ข้อใดมิใช่ข้อควรคำนึงในการประเมินของ สมศ.?
ก. ความมุ่งหมาย
ข. แนวการจัดการศึกษา
ค. การบริหารและการจัดการ
ง. หลักการ
เฉลย  83.  ค
โดยคำนึงถึงความมุ่งหมายและหลักการและแนวการจัดการศึกษาในแต่ละระดับตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้
84. การทบทวนคุณภาพในสถานศึกษาดาเนินการตามข้อใด?
ก. 1 ครั้งทุก 1 ปี
ข. 1 ครั้งทุก 2 ปี
ค. 1 ครั้งทุก 3 ปี
ง. 1 ครั้งทุก 5 ปี
เฉลย   84.  ค  กฎกระทรวง ว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา  พ.ศ. ๒๕๕๓  ข้อ ๑๘ ให้หน่วยงานต้นสังกัดของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจัดให้มีการติดตามตรวจสอบ คุณภาพการศึกษาอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุกสามปีและแจ้งผลให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานทราบ
รวมทั้งให้เปิดเผยผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษาต่อสาธารณชน