ทฤษฎี

Q1. ข้อใดคือความเชื่อที่สำคัญที่สุดของการนำหลักการการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานมาใช้ในระบบการจัดการศึกษาของประเทศไทย
ก. เปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มี ส่วนร่วมในกาบริหาร ตัดสินใจ
ข. ตอบสนองความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง จึงต้องมีการคืนอำนาจให้ท้องถิ่นและประชาชนได้จัดการศึกษาเองอีกครั้ง
ค. โรงเรียนเป็นหน่วยปฏิบัติการที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการศึกษา จึงควรมีอำนาจมีอิสระในการตัด สินใจดำเนินการ
ง. ความพร้อมและการบริหารตามสถานการณ์ของโรงเรียน ผลที่ได้จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมที่ทุกอย่างถูกกำหนดมาจากส่วนกลาง ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม

หลักการสำคัญของการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน โดยทั่วไปได้แก่
1. หลักการกระจายอำนาจ (Decentralization)  ข้อสอบจะถามว่าข้อใดสำคัญที่สุดเป็นการกระจายอำนาจการจัดการศึกษาจากกระทรวงและส่วนกลางไปยังสถานศึกษา ให้มากที่สุด โดยมีความเชื่อว่า โรงเรียนเป็นหน่วยปฏิบัติการที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการศึกษา จึงควรมีอำนาจมีอิสระในการตัด สินใจดำเนินการ
2. หลักการมีส่วนร่วม (Participation or Collaboration or Involvement) เปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มี ส่วนร่วมในกาบริหาร ตัดสินใจ
3. หลักการคืนอำนาจจัดการศึกษาให้แก่ประชาชน (Return Power to People) การจัดการศึกษาโดยส่วนกลางเริ่มมีข้อจำกัด เกิดความล่าช้าและไม่ ตอบสนองความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง จึงต้องมีการคืนอำนาจให้ท้องถิ่นและประชาชนได้จัดการศึกษาเองอีกครั้ง
4. หลักการบริหารตนเอง (Self-managing) ให้โรงเรียนมีระบบการบริหารด้วยตนเองโดยให้โรงเรียนมีอำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบในการดำเนินงาน แล้วแต่ความพร้อมและสถานการณ์ของ โรงเรียน ผลที่ได้ น่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมที่ทุกอย่างถูกกำหนดมาจากส่วนกลาง ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม
5.  หลักการตรวจสอบและถ่วงดุล (Check and Balance) ส่วนกลางมีหน้าที่กำหนดนโยบายและควบคุมมาตรฐาน มีองค์กรอิสระทำหน้าที่ตรวจ สอบการศึกษาเพื่อให้มีคุณภาพและมาตรฐานเป็นไปตามนโยบายของชาติ
Q2.  ข้อใดเป็นบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด
ก. ส่งเสริมให้มีการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา ตลอดจนวิทยากรภายนอกและภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของนักเรียนทุกด้านรวมทั้งสืบสานจารีตประเพณีศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นและของชาติ
ข. ให้ความเห็นชอบและอนุมัติหลักสูตรสถานศึกษา และให้ความเห็นชอบในการจัดทำหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น
ค. มีส่วนร่วมกับสถานศึกษากำหนดนโยบาย วิสัยทัศน์ พันธกิจ จุดหมายหลักสูตรสถานศึกษา
ง. ส่งเสริมสนับสนุนการบริหารงานด้านวิชาการของสถานศึกษา ตลอดจนงานอื่น ๆ ตามที่เห็นสมควร

บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
          1. มีส่วนร่วมกับสถานศึกษากำหนดนโยบาย วิสัยทัศน์ พันธกิจ จุดหมายหลักสูตรสถานศึกษา และการกำหนดสาระของหลักสูตร ตลอดจนจัดทำแผนพัฒนาสถานศึกษาและแนวดำเนินงานเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม (สำคัญที่สุด)
2. ให้ความเห็นชอบและอนุมัติหลักสูตรสถานศึกษา
3. ให้ความเห็นชอบในการจัดทำหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น
4. ให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งคณะทำงาน / อนุกรรมการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาที่สถานศึกษาแต่งตั้งขึ้น
5.  สนับสนุน ส่งเสริมให้การบริการที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรสถานศึกษา
6. ส่งเสริมให้มีการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา ตลอดจนวิทยากรภายนอกและภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของนักเรียนทุกด้านรวมทั้งสืบสานจารีตประเพณีศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นและของชาติ
Q4.  จากรายการที่กำหนดให้  จงเลือกคำตอบที่ถูกต้อง
1.  การอำนาจการบริหารและการจัดการศึกษาด้านงบประมาณสถานศึกษาประเภทที่ 1 และ 2  ที่แตกต่างกันระหว่าง ระหว่างการเบิกเงินจากคลัง และการขอโอนและการขอเปลี่ยนแปลงงบประมาณ
2. สถานศึกษาประเภทที่ 1และ สถานศึกษาประเภทที่ 2  ให้พิจารณาจากคุณสมบัติตามกฎกระทรวงฯ
3. สถานศึกษาประเภทที่ 1  ให้พิจารณาโรงเรียนทุกโรงเรียนใน สพท. ที่มีนักเรียนเกิน 500 คนขึ้นไป
4. สถานศึกษาประเภทที่ 1  มีผลการประเมินคุณภาพภายนอกของ สมศ.ในภาพรวมอยู่ในระดับดีขึ้นไป
ก.  ถูกทุกข้อ
ข.  ถูก 3 ข้อ
ค. ถูก 2 ข้อ
ง. ถูกเพียงข้อเดียว

Q5.  ข้อใดไม่สอดคล้องกับการกระจายอำนาจด้านการบริหารทั่วไป
ก. การจัดระบบการควบคุมภายในหน่วยงาน
ข. การพัฒนาและใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
ค. งานวิจัยเพื่อพัฒนานโยบายและแผน
ง. การรับนักเรียน

Q6. ข้อใดสำคัญที่สุดของกระบวนการการวางแผนงานวิชาการ
ก.  การเลือกแนวทางที่ดีที่สุดและการกำหนดจุดมุ่งหมาย (Select Best Course and Set Objectives)
ข.  การแปลโอกาสให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ (Translate Opportunities into Available Courses of Action)
ค. การมีส่วนรวมของทุกคนในองค์กร
ง. การกำหนดเป้าหมาย (Identify goal )

Q7. เทคนิคหรือกระบวนการบริหารรูปแบบใดเกี่ยวข้องกับการวางแผนงานวิชาการน้อยที่สุด
ก. PDCA
ข. BSC
ค. PERT
ง. CPM

Q8. ข้อใดกล่าวกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับหลักสูตรที่ใช้ในระบบการศึกษาในปัจจุบันน้อยที่สุด  (มีส่วนถูก แต่ก็มีส่วนที่ผิด)
ก. กพฐ. กำหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อความเป็นไทย ความเป็นพลเมืองที่ดีของชาติและพลโลก
ข. ให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่จัดทำสาระของหลักสูตร
ค. ให้ เลขาธิการ  กพฐ.  โดยความเห็นชอบของ  กพฐ. มีอำนาจในการยกเลิก เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงหลักสูตรแกนกลาง  2551  ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและวิธีการจัดการศึกษา
ง. สาระของหลักสูตร ที่เป็นทั้งวิชาการ และวิชาชีพต้องมุ่งพัฒนาคนให้มีความสมดุล ทั้งด้านความรู้ ความคิด ความสามารถ ความดีงาม และความรับผิดชอบต่อสังคม

จากตัวเลือกที่กำหนดให้ จงตอบคำถามต่อไปนี้
1. เหตุผลการใช้หลักสูตร  เพื่อจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้สอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจสังคมและความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาการ
2. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 มีลักษณะสำคัญของหลักสูตรคือเป็นหลักสูตรอิงมาตรฐาน
3. งานวิชาการถือเป็นงานที่มีความสำคัญที่สุด ถือเป็นหัวใจของการจัดการศึกษา
4. หน่วยการเรียนรู้คือหัวใจของหลักสูตร การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ (Unit of learning)
ก. ถูกเฉพาะ  ข้อ 1 ข้อ 2 ข้อ 3
ข. ถูกเฉพาะ  ข้อ 2 ข้อ 3 ข้อ 4
ค. ถูกเฉพาะ  ข้อ 1 ข้อ 2 ข้อ 4
ง. ถูกทุกข้อ

Q10. ข้อใดกล่าวถึงลักษณะสำคัญของหลักสูตรอิงมาตรฐานไม่ถูกต้อง
ก. องค์ประกอบของหลักสูตรเชื่อมโยงกับมาตรฐาน ทุกองค์ประกอบของหลักสูตรไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาสาระที่สอน กิจกรรมการเรียนรู้ ชิ้นงาน ภาระงานที่ผู้เรียนต้องปฏิบัติ เกณฑ์การวัดและประเมินผล สื่อการเรียนรู้
ข. กระบวนการ และขั้นตอนการจัดทำหลักสูตรมีโครงสร้างที่ชัดเจน กำหนดแน่นอนในการออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอนอิงมาตรฐานนั้น สามารถทำได้หลายรูปแบบเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุถึงเป้าหมายเดียวกัน
ค. หน่วยการเรียนรู้จะมีรายละเอียดของเนื้อหา กิจกรรมการเรียนการสอน สื่อการเรียนการวัดและประเมินผล
ง. มีลักษณะการกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เพื่อ   เป็นเป้าหมายในการพัฒนาการศึกษา

   ลักษณะสำคัญของหลักสูตรอิงมาตรฐาน
        1.   มีลักษณะการกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เพื่อ   เป็นเป้าหมายในการพัฒนาการศึกษา
2.  องค์ประกอบของหลักสูตรเชื่อมโยงกับมาตรฐาน ทุกองค์ประกอบของหลักสูตรไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาสาระที่สอน กิจกรรมการเรียนรู้ ชิ้นงาน/ภาระงานที่ผู้เรียนต้องปฏิบัติ เกณฑ์การวัดและประเมินผล สื่อการเรียนรู้ ต้องเชื่อมโยงสะท้อนสิ่งที่ต้องการพัฒนาผู้เรียนที่ระบุไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้
        3.  หน่วยการเรียนรู้คือหัวใจของหลักสูตร การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ (Unit of learning) ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญของการจัดทำหลักสูตรอิงมาตรฐาน เพราะหน่วยการเรียนรู้จะมีรายละเอียดของเนื้อหา กิจกรรมการเรียนการสอน สื่อการเรียนการวัดและประเมินผล ซึ่งจะนำมาตรฐานไปสู่การปฏิบัติในในการจัดการเรียนการสอนใน ชั้นเรียนอย่างแท้จริง
4. กระบวนการ และขั้นตอนการจัดทำหลักสูตรมีความยืดหยุ่นในการออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอนอิงมาตรฐานนั้น สามารถทำได้หลายรูปแบบเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุถึงเป้าหมายเดียวกัน มิได้มีการกำหนดหรือจัดลำดับขั้นตอนที่แน่นอนตายตัวขึ้นอยู่กับเหตุผล วัตถุประสงค์ และความจำเป็นของแต่ละบริบท
5.  การประเมินผลสะท้อนมาตรฐานอย่างชัดเจน มาตรฐานและการประเมินผลมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด การวัดและประเมินผลถือว่าเป็นจุดที่สำคัญที่สุดขั้นตอนหนึ่งของการจัดทำหลักสูตรแบบอิงมาตรฐาน แนวคิดด้านการศึกษาในยุคปัจจุบันได้ ปรับเปลี่ยนจากยุคที่เน้นพฤติกรรมนิยม (Behaviorism)
Q11. ขั้นตอนการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาข้อใดที่จะส่งผลต่อผู้เรียนมากที่สุด
ก. ขั้นตอนที่  1
ข. ขั้นตอนที่  3
ค. ขั้นตอนที่  5
ง. ขั้นตอนที่  6

ขั้นตอนการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา
     1. แต่งตั้งคณะกรรมการ/ คณะทำงาน
2. วิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
3. จัดทำหลักสูตรสถานศึกษา
4. คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานพิจารณาให้ความเห็นชอบ:
5. ใช้หลักสูตรสถานศึกษา:
6. วิจัยและ ติดตามผลการใช้หลักสูตร:
ตั้ง เคราะห์  ทำ   ชอบ  ใช้ จัย
Q12. เมื่อมีการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการจัดทำกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น  แล้วขั้นตอนควรดำเนินการอย่างไรในลำดับต่อไป
ก.  จัดทำกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น  แล้วเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
ข. รับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง  อาทิ  ครูผู้สอน  ผู้ปกครอง  ปราชญ์ในชุมชน  และหน่วยงานธุรกิจ  ฯลฯ  เพื่อนำข้อคิดเห็นจากฝ่ายต่าง ๆ
ค. วิเคราะห์ สังเคราะห์ ข้อมูลจากเอกสารและแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการ
ง.  คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งร่วมวางแผนงานที่ชัดเจน  เพื่อให้เห็นภาพการทำงานตลอดแนว  ด้วยกระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วม
ค.   ส่วนนำ  เป็นส่วนที่กล่าวถึง ความเป็นมาและขั้นตอนของการจัดทำกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1.  แต่งตั้งคณะกรรมการ/คณะทำงาน  ควรประกอบด้วย  ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา / ผู้บริหารส่วนราชการระดับท้องถิ่น  ผู้บริหารสถานศึกษาในท้องถิ่น  ทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา  ครูผู้สอน  ผู้แทนชุมชน  เป็นต้น
2.  วิเคราะห์ สังเคราะห์ ข้อมูลจากเอกสารและแหล่งข้อมูลต่าง ๆ อาทิ  หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551  รวมทั้งศึกษาสภาพ  แนวโน้มการเปลี่ยนแปลง  บริบท  สภาพปัญหา  ความต้องการของท้องถิ่น  ชุมชน  ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนในพื้นที่  เป็นต้น
3.  ดำเนินการจัดทำกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น : ในการดำเนินการจัดทำกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่นให้มีคุณภาพ  จะต้องมีการวางแผนงานที่ชัดเจน  เพื่อให้เห็นภาพการทำงานตลอดแนว  ด้วยกระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วม
4.  รับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง  อาทิ  ครูผู้สอน  ผู้ปกครอง  ปราชญ์ในชุมชน  และหน่วยงานธุรกิจ  ฯลฯ  เพื่อนำข้อคิดเห็นจากฝ่ายต่าง ๆ มาปรับปรุงกรอบหลักสูตรให้มีความเหมาะสมชัดเจนยิ่งขึ้น
        5.  เสนอคณะกรรมการเขตพื้นที่ / คณะกรรมการระดับท้องถิ่นเพื่อให้ความเห็นชอบ
Q13. หลักการของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน  2551 ข้อใดสอดคล้องกับ มาตรา 22  พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ 2542 และฉบับปรับปรุงแก้ไขมากที่สุด
ก. หลักการข้อที่  1
ข. หลักการข้อที่  2
ค. หลักการข้อที่  4
ง. หลักการข้อที่  5

หลักการ     เอก  ชน  จาย  หยุ่น  เรียน ตลอดชีวิต (ใน นอก อัธ)
              1.  เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพื้นฐานของความเป็นไทยควบคู่กับความเป็นสากล
2.  เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาค และมีคุณภาพ
3.  เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอำนาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของ